จากกรณีเมื่อวันที่ 30 พ.ย. 66 เวลาประมาณ 19.00 น. สภ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุซ้ำซ้อน รถเก๋งเฉี่ยวชนกับ จยย. เป็นเหตุให้หญิง อายุ 60 ปี คนขี่ จยย. เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ต่อมา ลูกสาวของผู้เสียชีวิตได้ร้องเรียนมายังเพจโหนกระแสว่า ฝั่งคู่กรณีทั้งสองไม่เยียวยา ไม่ยอมรับผิด และยังมีความกังวลในเรื่องคดี เนื่องจากคู่รกรณีรู้จักคนใหญ่คนโตในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีก็ขาดการติดต่อ หวั่นจะไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น
ล่าสุด วันนี้ ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล หรือ ทนายแก้ว พร้อมลูกสาวและสามีของผู้เสียชีวิต ได้เดินทางมาที่ศาลจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อไกล่เกลี่ย รวมถึงหาข้อเท็จจริงในบางจุดที่ยังมีข้อสงสัยในคดีนี้
ทนายแก้ว กล่าวก่อนจะขึ้นศาลไกล่เกลี่ยว่า ลูกสาวของผู้เสียชีวิตได้มีการไปร้องผ่านทางเพจโหนกระแส โดยทาง ‘คุณหนุ่ม กรรชัย’ ได้ส่งเรื่องมาให้ตนเพื่อที่จะมาดูข้อเท็จจริง ตนเห็นว่ามันแปลกๆ หลายส่วน ตนขอใช้คำว่ามันมีพิรุธ
ส่วนแรก ผู้เสียชีวิตได้มีการขี่ จยย. อยู่บนถนน และได้มีรถคันหลังคือรถเก๋งคันสีขาวมาชน ที่ผิดปกติก็คือ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจรวมถึงพนักงานอัยการตั้งข้อหาว่า ผู้เสียชีวิตมีส่วนประมาทด้วย จากรูปร่องรอยการถูกชนมันอยู่ตรงมุมขวา ซึ่งในความเป็นจริงถ้าเกิดผู้เสียชีวิตขี่ จยย. ตัดออกมาเลย มันต้องชนด้านหน้าเต็มๆ แสดงให้เห็นว่า เก๋งขาวจะขับรถมาจะคุยโทรศัพท์หรือจะทำอะไรไม่ทราบ แต่ก็ชนลากผู้เสียชีวิตไปอยู่อีกฝั่งนึง
ความผิดปกติอีกอย่างคือ บันทึกประจำวันของรถอีกคันคือรถเก๋งสีดำที่ขับสวนทางมา มาชนซ้ำเป็นคันที่ 2 นั้น เดิมได้ระบุชื่อในวันเกิดเหตุชื่อหนึ่ง แต่คำฟ้องที่พนักงานอัยการสั่งฟ้องเป็นอีกชื่อหนึ่ง คนขับคนละคนกัน ตนรับเรื่องมาจึงอยากมาสอบถามข้อเท็จจริงในวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่นัดไกล่เกลี่ย ว่ามันเป็นมาอย่างไร
ในส่วนที่ลูกสาวเขาเสียใจก็คงจะเป็นเพราะว่าแม่เขาถูกฟ้องด้วย เหตุที่ไม่ได้ฟ้องก็เพราะว่าแม่เขาเสียชีวิต คดีอาญาจึงระงับไป แต่ในสำนวนของพนักงานอัยการได้มีการระบุว่าแม่เขามีส่วนประมาทร่วมไปด้วย ซึ่งเขายืนยันว่าแม่เขาขึ้นอยู่บนถนนแล้ว ทางเก๋งขาวขับมาชน ส่วนรถเก๋งคันดำที่ขับสวนทางมา ตำรวจไม่ได้ตั้งข้อหาอะไรเลย นี่คือสิ่งที่เขาสงสัย
“มีทั้งรถชนข้างหลังและข้างหน้า แต่ปรากฏว่ารถคันข้างหน้ากลับมาเรียกค่าเสียหายกับลูกสาวผู้เสียชีวิต เขาก็เลยรู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็เลยมีการร้องขึ้นมา”
วันนี้เป็นนัดไกล่เกลี่ย ถ้าเกิดเก๋งขาวก็ดีหรือเก๋งดำก็ดี ยอมที่จะมีการเยียวยา ก็จะจบกัน ก็จะได้มาทำสัญญาประนีประนอมกัน ส่วนคดีอาญาก็เป็นเรื่องที่ทางผู้เสียหายจะได้แถลงไม่ติดใจอะไรก็ว่ากันไป ศาลท่านจะรอลงอาญาก็เป็นดุลยพินิจของศาล
แต่ในมุมกลับกัน เขาก็มีสิทธิ์ที่เขาจะปฏิเสธว่าเขาไม่ได้เป็นส่วนประมาท ก็ต้องต่อสู้กัน ส่วนคดีจะดำเนินไปในรูปแบบไหนก็ต้องให้ศาลตัดสิน เพราะตอนนี้ทางจำเลยเก๋งคันขาวที่มาชนท้ายเขาต่อสู้ว่าเขาไม่ได้ประมาท ทางผู้เสียชีวิตประมาทแต่เพียงผู้เดียว ร่องรอยการถูกชน รวมถึงคลิปที่ทางเราได้มาก็จะนำมาต่อสู้
ด้านลูกสาวผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาที่แม่ตนไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้ 7 เดือนกว่า เขาไม่เคยมาแสดงความเสียใจหรือสำนึกผิดต่อบาปกรรมที่เขาทำกับครอบครัวตนเลย เขามาเพียงแค่มาถ่ายรูปและเอารูปนั้นมาต่อสู้กับตนในชั้นศาล ซึ่งมันไม่ได้ยุติธรรมอะไรกับครอบครัวตนเลย
หลังจากที่ได้เห็นคลิปจากกล้องหน้ารถแล้วมันโหดร้ายเกินไป เขาใจร้ายกับครอบครัวตนมาก แม่ตนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ คู่กรณีอีกท่านหนึ่งเขายังยืนยันว่าเขาเป็นผู้เสียหายที่แท้จริง เขาไม่เคยมาแสดงความเสียใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ตนพยายามทำทุกอย่างให้เขารู้ว่าทางเราคือผู้ถูกกระทำ เขาจะรับผิดชอบเราได้เมื่อไหร่ แต่ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมาเลย
หลังจากมีการพูดคุยกันในชั้นไกล่เกลี่ยแล้ว ทนายแก้วได้เปิดเผยว่า เจรจากันเบื้องต้น จำเลย (ผู้ขับขี่รถชน) ได้ยอมรับว่าตัวเองประมาท และจะขอหาเงินมาเยียวยาผู้เสียชีวิต คดีในส่วนอาญาจึงระงับ โดยศาลสั่งให้สืบเสาะและจะพิพากษาต่อไป คงเหลือเฉพาะคดีแพ่ง ซึ่งเป็นค่าเยียวยา ก็จะมีการเจรจากันนัดต่อไปเช่นกัน