รายการโหนกระแสวันนี้ (16 ตุลาคม 2567) พูดคุยกรณี ปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ ที่ปัจจุบัน พัฒนากลลวง กลโกงหลากหลาย ที่หลอกลวงจนมีผู้เสียหาย เสียเงินเสียทองหนักมาก
ผู้ร่วมรายการวันนี้ คือ คุณเอ ผู้เสียหายรายแรก 165 ล้านบาท, คุณบี โดน 28 ล้านบาท, คุณลุงเดช ผู้เสียหายที่สูญเสียบ้าน, ร่วมด้วย พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท. และ เอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด
คุณเอ เล่าว่า ตนเป็นคนที่ลงทุน เล่นหุ้นอยู่แล้ว มีอยู่วันหนึ่งไปเจอแอดโฆษณา เซียนหุ้นคนหนึ่ง ยิงข้อความมาชวนลงทุน ชวนศึกษาการลงทุน หลอกให้เรากดลิงก์ ลงทะเบียน สอบถามข้อมูลส่วนตัว ก่อนจะให้เราแอดไลน์เซียนคนนี้ ก่อนจะให้เราแอดไลน์ เลขาของเซียนด้วย จากนั้นเขาก็ดึงไลน์เราเข้าไปในห้อง Line Open Chat ที่มีสมาชิกกว่า 300 คน บทสนทนาในกลุ่ม จะพูดคุยกันเรื่องหุ้น การเทรดต่างๆ ตามปกติ
ต่อมาเขามีการหลอกลวงว่า ได้หุ้นพิเศษตัวหนึ่ง เป็นของ บริษัทหลักทรัพย์รายใหญ่แห่งหนึ่ง โดยที่เขาบอกว่าเป็นล็อตพิเศษ ไม่ได้เทรดบนกระดานปกติ แต่ต้องไปโหลดแอปพิเศษมาเทรดแยก ต้องเปิดพอร์ตแยก เป็นการเทรดลับๆ พิเศษเฉพาะสมาชิกกลุ่มเรา แต่สิ่งที่เราผิดสังเกตก็คือ บัญชีปลายทางเวลาที่เราโอนเงินซื้อหุ้น ไม่ใช่บัญชีของบริษัทหลักทรัพย์ แต่เป็นบัญชีบริษัทชื่อแปลกๆ และไม่มีจดหมายจากบริษัทหลักทรัพย์ ที่มีการลงนามส่งกลับมาตามที่ปกติต้องมี แต่เราเห็นว่าผลตอบแทนมันเกิดขึ้นจริง เราก็โอนไป ครั้งละ 10 ล้านบ้าง 15 ล้านบ้าง และเคยถอนเงินออกมาจากพอร์ตได้จริง เราก็เลยเชื่อ รวมทั้งแอปที่เขาบอก มันก็โหลดได้จริงจาก Apple Store
ต่อมาเราเทรดไปจนมียอดรวมในพอร์ต 500 กว่าล้าน เราต้องเสียค่า Service Fee อีก 10% ที่ต้องไปหามาให้เขาเพิ่มอีก 50 ล้าน เพื่อจะเอาเงิน 500 ล้านออกมาให้ได้ เป็นกลยุทธ์เดียวกันกับที่สแกมเมอร์ทำกับทุกๆ เคส สุดท้ายพอเราหาไม่ได้แล้ว หายังไงก็หาไม่ได้ เขาก็ลบกลุ่ม ลบแชตวันนั้นเลย โลกเราดับไปเลยในทันที
ตอนเจอเหตุการณ์นี้ มันเราโทษตัวเองทุกวัน ตำหนิตัวเอง ที่ทำให้เงินทั้งชีวิตที่เราหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง มันต้องหมดไปเพราะตัวเรา แต่ที่เราตัดสินใจออกมาพูดในวันนี้ ก็เพื่อจะบอกทุกคนที่เจอแบบเดียวกับเราว่า อย่าไปคิดสั้น ตราบใดที่เรายังไม่ตาย เราเริ่มใหม่ได้ อย่าทำลายชีวิตของตัวเอง
ด้านคุณบี ผู้เสียหายรายที่ 2 ที่โดนไป 28 ล้านบาท เล่าว่า ตนเกษียณอายุแล้ว และไม่เคยเล่นหุ้นมาก่อนเลย แต่อยากจะหาอะไรทำ สร้างรายได้ จึงกดไปเจอเว็บสอนลงทุน เขาก็ให้เรากดดูไปเรื่อยๆ จนได้แอดไลน์ เป็นของอาจารย์ดังท่านหนึ่ง เมื่อตนไปค้นหาชื่อ ก็เจอว่าบริษัทที่เขาอ้างมีอยู่จริงในตลาดหลักทรัพย์ พฤติการณ์เหมือนกับคุณเอ คือ แนะนำให้แอดไลน์เลขา แล้วพาเข้าห้อง Open Chat เหมือนกัน
จากนั้นก็เริ่มบอกให้โอนเงิน งวดแรก 50,000 บาท ตนไม่เคยเล่น ก็เลยลองเล่นทีละน้อยก่อน ลงไปเพิ่มจนครบ 1 แสนบาท แล้วลองเบิกกำไรออกมา 7,000 บาท ซึ่งก็ได้เงินจริง แต่เงินต้นเขาไม่ให้เอาออก
หลังจากนั้น เขาบอกว่ามีโปรแกรมพิเศษ จะได้กำไร 2 เท่า 5 เท่า แต่ต้องลงทุนเพิ่มให้ทุนถึง 2 ล้านบาท แต่พอลงไปแล้ว จะเบิกออกมา หรือจะปิดบัญชี เขาเรียกเก็บค่าทีมวิเคราะห์ ค่าธรรมเนียม และค่าอื่นๆ เต็มไปหมด เท่าไหร่ก็ไม่จบ ถอนไม่ได้ รายนี้ตนโอนไปรวม 8.9 ล้านบาท พอไม่มีเงินจะโอนเพิ่ม เขาก็หายไปเลย
ต่อมา ตนอยากได้เงินคืน ก็คลิกไปหาข้อมูลอีก จนไปเจออีกเจ้าหนึ่ง อ้างตัวเป็นอาจารย์ดังอีกราย พฤติการณ์คล้ายกัน ตนก็หลงเชื่ออีก ด้วยความอยากได้เงินคืน ก็โอนถมไปอีก รวมกับเจ้าแรกแล้ว โดนไปทั้งหมด 28 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินเกษียณอายุทั้งหมดในชีวิต
คุณลุงเดช ผู้เสียหายอีกราย เล่าว่า มีเบอร์โทรแปลกๆ โทรเข้ามา ถามว่าเคยไปสมัครซิมที่ไหนหรือไม่ เพราะมีเบอร์ที่สมัครเป็นชื่อของลุง ถูกนำไปใช้ในคดีฟอกเงิน และเกิดความเสียหายหนักมาก โดยซิมที่ว่านี้อยู่ที่จังหวัดพิจิตร มิจฉาชีพอ้างว่าให้ลุงไปที่พิจิตร แต่พอลุงบอกว่าอยู่ กทม. ไปเองไม่ได้ เขาก็โอนสายไปให้อีกสายหนึ่ง แอบอ้างว่าเป็น ร.ต.อ.วันธณัย เป็นตำรวจร้อยเวรที่พิจิตร รับแจ้งความให้ โดยบอกว่าใบแจ้งความจะส่งให้ลุง, ค่ายมือถือ และเก็บไว้ที่โรงพัก
จากนั้น ตำรวจปลอมก็พูดให้ได้ยินในสายว่า ให้สายตรวจไปตรวจสอบว่าใครเป็นคนซื้อซิม จนเจอว่าเป็นคนชื่อ อลงกร (ซึ่งอาจเป็นชื่อที่มิจฉาชีพกุขึ้น) ตำรวจปลอมอ้างว่า อลงกร เพิ่งโดนจับและถูกยึดทรัพย์หลายล้านบาท เมื่อสอบสวน อลงกรให้การซัดทอดว่า แบ่งปันผลประโยชน์ให้คุณลุงเดช 10% ทำให้ลุงอาจจะมีความผิดไปด้วย
ต่อมาตำรวจปลอมบอกว่า ลุงตกเป็นผู้ต้องสงสัย ห้ามหนี และต้องหาหลักประกันมาค้ำว่าลุงจะไม่หนี ลุงบอกว่ามีแค่โฉนดที่ดินที่บ้านที่อาศัยอยู่ เขาก็บอกให้เอาโฉนดมาค้ำประกันตัวไว้ก่อน และตำรวจปลอมยังหานายหน้ารับจำนอง ขายฝากที่ดิน มาให้ลุงด้วย เรียกได้ว่าเป็น One-Stop-Service
ระหว่างรอดำเนินการ ตำรวจปลอมยังสั่งให้ลุงถ่ายรูปรายงานตัว ส่งไลน์ให้ทุกวัน วันละ 5 เวลา ว่าอยู่ที่ไหน ทำอะไร เพื่อต้องการเช็กว่าลุงรู้ตัวหรือยังว่าถูกหลอก ต่อมา นายหน้าที่รับจำนอง-ขายฝาก ติดต่อมาหาลุง ขับรถมาดูบ้าน ตกลงกันที่ 5 แสนบาท สุดท้ายตอนนี้ลุงสูญเสียบ้านไป และไม่มีที่จะอยู่
พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ รอง ผบช.สอท. อธิบายว่า กลโกงเหล่านี้เป็นการ "เลี้ยงหมู" คือสร้างความน่าเชื่อถือ ให้เหยื่อถอนเงินได้จริงในตอนแรก แล้วจึงหลอกให้ลงทุนก้อนใหญ่ และอ้างค่าธรรมเนียม หรือภาษี เพื่อให้เหยื่อโอนเงินเพิ่ม กรณีคุณเอ มิจฉาชีพสร้างแอปปลอมที่ซับซ้อน แม้จะอยู่ใน Apple Store ก็อาจเป็นการแฝงตัวเข้ามาในช่วงแรก การลงทุนใดๆ ต้องตรวจสอบกับสำนักงาน ก.ล.ต. ก่อนเสมอ และบัญชีโอนเงินต้องเป็นชื่อบริษัทหลักทรัพย์เท่านั้น หากรู้ตัวว่าถูกหลอก ต้องรีบแจ้งความออนไลน์ที่ www.thaipoliceonline.com เพื่ออายัดเงินให้เร็วที่สุด
ขณะที่ คุณเอกภพ จากเพจสายไหมต้องรอด กล่าวว่า มิจฉาชีพสมัยนี้ทำงานเป็นทีม มีจิตวิทยาสูง อย่างกลุ่มไลน์ 300 คนของคุณเอ อาจเป็นหน้าม้าหรือบอตของมิจฉาชีพเกือบทั้งหมด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ พวกเขาจะพยายามโดดเดี่ยวเหยื่อ ทำให้เหยื่ออับอาย ไม่กล้าบอกใคร ขอเตือนว่าผลตอบแทนที่สูงเกินจริง ไม่มีจริง คุณเอกภพยังเผยว่า คุณเอ เป็นคนที่มาร้องเรียนกับตน และแม้จะโดนไป 165 ล้านบาท ซึ่งไม่ใช่น้อยๆ แต่ก็เลือกที่จะออกมาพูด เพื่อเป็นอุทาหรณ์เตือนไม่ให้มีใครโดนแบบเดียวกัน และย้ำเหมือนคุณเอ ว่าหากใครที่โดน อย่าโทษตัวเอง และคิดสั้น ต้องออกมาแจ้งความและเป็นกระบอกเสียงเตือนภัยสังคมต่อไป
คุณเอกภพ ยังทิ้งท้ายในรายการว่า วันนี้สิ่งที่ตำรวจออกมาพูด ออกมาเตือน ทำคลิป ทำคอนเทนต์เตือนภัย เป็นเรื่องที่ดี แต่ตนมองว่ายังเป็นแค่การ "ตั้งรับ" มากกว่า "รุก" และจัดการกับต้นตอของปัญหา คือแก๊งสแกมเมอร์ที่มีฐาน ณ ประเทศเพื่อนบ้าน แก๊งเหล่านี้หลอกลวงคนไทยไปทำงาน หรือบางคนก็สมัครใจไปทำเอง เพื่อมาหลอกคนไทยด้วยกัน เรื่องเหล่านี้ควรจบได้แล้ว รัฐบาลต้อง seal ชายแดน ไม่ให้คนออกไปเพิ่มอีก และต้องเอาคนไทยที่ไปทำงานหลอกคนกลับมาดำเนินคดีให้หมด นานาประเทศ ทั้งจีน สหรัฐ อังกฤษ เกาหลีใต้ กำลังใช้มาตรการเด็ดขาดจัดการกับแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา แต่ไทยที่ถูกใช้เป็นทางผ่าน กลับยังไม่ทำอะไรจริงจัง ซึ่งจะยิ่งเดือดร้อนไปกันใหญ่ ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลต้องใช้มาตรการเชิงรุกจัดการกับมิจฉาชีพขบวนการนี้เสียที