รายการโหนกระแสวันนี้ 10 ต.ค. พูดคุยกรณีกลุ่มอดีตสมาชิกของคริสตจักรแห่งหนึ่ง ที่ได้ออกมาร้องเรียนและเปิดเผยพฤติกรรมที่ไม่ชอบมาพากลของลัทธิดังกล่าว ซึ่งผู้เสียหายระบุว่ามีการบิดเบือนหลักคำสอนของศาสนาคริสต์
กลุ่มอดีตลูกศิษย์ได้เปิดเผยพฤติกรรมของลัทธินี้ โดยอ้างว่ามีการบิดเบือนคำสอนจากพระคัมภีร์ไบเบิล และมีพิธีกรรมแปลกๆ ที่เรียกว่าการ “ไล่วิญญาณชั่วร้ายด้วยไฟ” โดยผู้นำจะอ้างว่าได้รับพลัง “ไฟพระวิญญาณบริสุทธิ์” จากพระเจ้า ซึ่งสามารถขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกจากร่างกายของสาวกได้ พิธีกรรมดังกล่าวปรากฏในคลิปวิดีโอที่มีการเผยแพร่ ซึ่งจะเห็นผู้ทำพิธีใช้มือแตะที่ศีรษะของลูกศิษย์ จากนั้นลูกศิษย์จะมีอาการชักดิ้นชักงอ อดีตสมาชิกที่เคยอยู่ในกลุ่มนี้มานานกว่า 3 ปี ระบุว่า ผู้นำจะเน้นคำสอนที่ทำให้เกิดความกลัวและต้องเชื่อฟัง โดยมีข้อห้ามไม่ให้ตั้งคำถามหรือแสดงความสงสัยใดๆ และห้ามพูดคุยกับคนนอกกลุ่ม เพราะเชื่อว่าจะนำพาวิญญาณร้ายกลับเข้ามาในตัว
คุณโอ๊ต หนึ่งในอดีตลูกศิษย์ เล่าว่า การสั่งสอนของหัวหน้าลัทธิ เขาจะบอกว่า ทุกคนมีผีติดตัว อย่างตอนแรกเขาบอกว่าตนมีผี 7 ตัว พอตนไม่ไปโบสถ์สัปดาห์นึง โผล่มาเพิ่มเป็น 21 ตัว บางคนหนักถึงขนาดมีผีในตัว 2 พันกว่าตัว ขับให้ตาย ขับทุกวันก็ไม่หมด เวลาทำพิธี เจ้าลัทธิจะเรียก “หัวหน้าผี” มาคุย โดยจะถามว่า ใครใหญ่ที่สุดในนี้ แล้วก็จะมีคนบางคนออกไป เหมือนผีที่สิงเป็นหัวหน้าของผีทั้งหมด แล้วเขาก็จะถามว่า ผีตัวนี้ทำอะไรกับชีวิตเจ้าของร่างบ้าง ทำให้เกิดเคราะห์กรรมอะไรบ้าง
คุณโอ๊ตบอกอีกว่า พอเห็นแบบนี้ตนเริ่มสงสัย เอะใจ จนต้องมาอ่านพระคัมภีร์ ถึงได้รู้ว่า ผีคือเจ้าแห่งการโกหก การที่เขาบอกเราว่าผีสิงนะ ต้องทำแบบนั้น แบบนี้ เพื่อไล่ผีนะ อันนี้คือเรากำลังเชื่อผีแล้วหรือเปล่า ไม่ใช่เชื่อพระเจ้า
สิ่งที่ทำให้ทุกคนอึ้งไปเลย ก็คือ “ผีหมีพูห์” เรื่องของเรื่องคือ คุณโอ๊ตมีโต๊ะกินข้าวลายหมีพูห์ แล้วเขามาบอกว่า ตนกินเยอะ ตนลงพุง เพราะว่าผีหมีพูห์เข้าสิง พวกรุ่นพี่ในโบสถ์ก็เลยบอกว่า ต้องเอาโต๊ะหมีพูห์นี้ไปทำลาย เขาก็เอาโต๊ะตัวนั้นไปกระทืบทิ้งจนพัง ผ่านมา 3 เดือนแล้ว พุงผมไม่เห็นจะยุบเลย
หรือแม้กระทั่ง ผีแบรนด์เนม ที่บอกว่า ใครใช้แบรนด์เนมต่างๆ มีสัญลักษณ์ โลโก้ ดีไซน์ของแบรนด์ เป็นงู เป็นเสือ พวกนี้เป็นผีทั้งนั้น ต้องเอาของแบรนด์เนมไปทิ้ง โดยพวกพี่เลี้ยงจะเป็นคนเอาไปทิ้ง
บางคนถึงขั้นต้องถอดแหวนเพชรทิ้ง เพราะเป็นแหวนเพชรของแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว มีแหวนเพชรดูต่างหน้า เขาก็บอกว่า แหวนผี ผีแม่ มาสิงร่าง ต้องถอดทิ้งด้วย
ในรายการได้เชิญ ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ ประธานร่วมกรรมการประสานงานคริสตจักรโปรเตสแตนท์แ ห่งประเทศไทย มาร่วมให้ข้อมูลในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านศาสนาคริสต์ด้วย ซึ่งท่านได้ยืนยันว่า พฤติกรรมและพิธีกรรมต่างๆ เช่น การไล่ผีด้วยไฟตามที่ปรากฏในคลิปนั้น ไม่ใช่คำสอนตามหลักศาสนาคริสต์ที่ระบุไว้ในคัมภีร์ไบเบิล แต่เป็นสิ่งที่ทางโบสถ์หรือลัทธินี้ได้สร้างขึ้นมาเอง
นอกจากนี้ ยังมีการสอนให้บริจาคเงินจำนวนมากเพื่อแลกกับการได้รับพรจากพระเจ้า โดยอ้างว่ายิ่งถวายเงินมาก ก็จะยิ่งได้รับพรตอบแทนกลับมามากขึ้น ซึ่งในประเด็นนี้ ศจ.ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ ได้ชี้แจงว่าคำสอนดังกล่าวไม่เป็นความจริง พระเจ้าจะอวยพรเราเพราะเราเป็นคนมีเมตตา รู้จักแบ่งปัน การที่พระเจ้าจะอวยพรให้เรามีมากขึ้นนั้น ก็เพื่อให้เราขอบคุณพระองค์ แล้วนำสิ่งที่มีไปแจกจ่ายช่วยเหลือผู้อื่นให้มากขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้ตนเองร่ำรวยขึ้น เหมือนการลงทุนเพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตน
ประเด็นต่อมาที่ถูกกล่าวถึงคือเรื่องการจัดตั้งโรงเรียน ทางลัทธิได้มีการจัดตั้งโรงเรียนโดยอ้างว่าเป็นหลักสูตรนานาชาติจากสหรัฐอเมริกา ที่ชื่อว่า "คริสเตียน ลิเบอร์ตี้" และแจ้งกับผู้ปกครองว่าจะให้บุตรหลานของสมาชิกได้เรียนฟรี แต่ความจริงกลับมีการเรียกเก็บเงินเทอมละ 15,000 บาท โรงเรียนดังกล่าวเป็นโรงเรียนกินนอนที่บังคับให้เด็กต้องพักในหอพักซึ่งไม่มีการขออนุญาตอย่างถูกต้อง สภาพความเป็นอยู่ก็สกปรก ขาดการดูแล และที่น่ากังวลคือมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดในพื้นที่ส่วนตัวภายในหอนอนของเด็กผู้หญิงด้วย สำหรับครูผู้สอนก็คือคนในโบสถ์ที่ไม่มีวุฒิครู แต่ต้องการมาทำงานเพื่อใกล้ชิดผู้นำ ซึ่งเงินเดือนครูไม่ได้มาจากผู้นำ แต่มาจากค่าเทอมที่เก็บจากผู้ปกครองนั่นเอง
ในด้านคุณภาพการศึกษา เด็กๆ แทบไม่ได้รับความรู้ เพราะครูไม่ทำการสอน แต่จะให้เด็กเล่น iPad แทน ทำให้เด็กขาดความรู้ทัดเทียมกับการศึกษาในระบบปกติ เมื่อผู้ปกครองท้วงติง ผู้นำลัทธิก็จะบอกว่าอย่าไปสนใจเรื่องความรู้ทางโลก ให้สนใจแค่ว่าลูกได้อยู่ใกล้ชิดพระเจ้าก็เพียงพอแล้ว เดี๋ยวพระเจ้าจะอวยพรเอง นอกจากนี้ ยังมีข้อสงสัยว่าทางโรงเรียนได้สมัครหลักสูตรให้กับเด็กจริงหรือไม่ เพราะตามหลักการแล้วจะต้องซื้อหลักสูตรเป็นรายบุคคล แต่กลับมีลักษณะเหมือนการถ่ายเอกสารใบประกาศนียบัตรแจกจ่ายกันแทน
เรื่องการลงโทษก็มีความรุนแรง มีการตีเด็กจนเป็นรอยช้ำไปทั้งตัว เมื่อผู้ปกครองเห็นร่องรอยและสอบถามไปยังโรงเรียน ก็ได้รับคำตอบว่าได้มีการตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่าการลงโทษสามารถทำได้
ภายในรายการยังมีการเปิดคลิปวิดีโอของผู้นำลัทธิที่ใช้คำพูดรุนแรงด่าทอเด็กๆ ผ่านไมโครโฟนต่อหน้าสาธารณชน โดยต่อว่าเด็กที่ไม่ยอมมาทำงานรับใช้พระเจ้าโดยอ้างว่าต้องอ่านหนังสือ โดยผู้นำได้พูดว่า "คนอื่นไม่อ่านหรือไง พระจ้าช่วยให้คุณหายป่วย แต่คุณกลับไม่อยากรับใช้พระเจ้า แบบนี้มันคือพวกเนรคุณ" พร้อมทั้งด่าทอเด็กว่าเป็น "พวกโง่ พวกเนรคุณ หัดสำเหนียกตัวเองซะบ้าง"
ปัญหาที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือ เมื่อผู้ปกครองบางส่วนเริ่มตระหนักถึงความผิดปกติและต้องการให้บุตรหลานของตนออกจากลัทธิและโรงเรียน กลับถูกต่อต้านจากลูกของตัวเอง เด็กๆ ที่ถูกปลูกฝังความเชื่อไปแล้วจะมองว่าพ่อแม่ของตน “ถูกผีครอบงำ” และไม่ยอมกลับบ้าน ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวยิ่งห่างเหินมากขึ้น
จากกรณีดังกล่าว กลุ่มผู้เสียหายซึ่งเป็นอดีตลูกศิษย์ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้นำลัทธิในข้อหาหลอกลวง โดยกล่าวหาว่ามีการบิดเบือนคำสอน หลอกให้บริจาคเงิน และเปิดโรงเรียนเถื่อน ในส่วนของการชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่คริสตจักรแห่งนี้เคยเป็นสมาชิกอยู่ ได้มีคำสั่งพักการเป็นสมาชิกของคริสตจักรไว้ชั่วคราว และให้องค์กรต้นสังกัดดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากไม่สามารถชี้แจงได้ภายใน 30 วัน ก็จะถูกขับออกจากองค์กรต่อไป
ในส่วนของการชี้แจงจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่คริสตจักรแห่งนี้เคยเป็นสมาชิกอยู่ ได้ออกมาชี้แจงถึงแนวทางการดำเนินการในเรื่องนี้ 3 แนวทาง คือ 1. พักการเป็นสมาชิกของคริสตจักรที่เกี่ยวข้องไว้ชั่วคราว 2. มอบหมายให้องค์กรต้นสังกัดของคริสตจักรดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงและหาทางแก้ไข แล้วรายงานผลกลับมาเพื่อพิจารณาต่อไป และ 3. ให้คริสตจักรในสังกัดทุกแห่งทบทวนพันธกิจของตนเอง ทั้งนี้ มีรายงานว่าหากคริสตจักรแห่งนี้ไม่สามารถชี้แจงข้อเท็จจริงได้ภายใน 30 วัน ก็จะถูกขับออกจากองค์กรสหกิจคริสเตียนทันที ซึ่งการพ้นจากการกำกับดูแลของสหกิจคริสเตียนแห่งประเทศไทย ที่อยู่ภายใต้กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม จะส่งผลกระทบต่อสถานะของคริสตจักรต่อไป
ด้าน ดร. คมเอก กวินอัครฐิติ ผู้นำของคริสตจักรน้ำองุ่นใหม่ ได้ออกมาชี้แจงต่อข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยยืนยันว่าสิ่งที่ทำไปทั้งหมดเป็นไปตามหลักการในพระคัมภีร์ไบเบิล ไม่ได้มีการบิดเบือนคำสอนแต่อย่างใด และไม่ได้ทำอะไรผิด ส่วนกรณีการไล่ผีด้วยไฟนั้น เป็นการขับไล่ผีตามพระวจนะของพระเจ้า ไม่ใช่เรื่องที่คิดขึ้นมาเองแต่อย่างใด ส่วนประเด็นอื่นๆ ที่ถูกกล่าวหานั้น ดร. คมเอก ระบุว่าเป็นการให้ข้อมูลเพียงด้านเดียวจากฝั่งผู้ที่ไม่พอใจ และเตรียมที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงทั้งหมดในเร็วๆ นี้
#คริสตจักร #ไล่ผี #ขับผี #โหนกระแส