พระราชวัชรธรรมโสภณ หรือหลวงปู่มหาศิลา สิริจันโท เดินทางมาทำพิธีเทวาภิเษกบวงสรวงเหรียญ "ท้าวเวสสุวรรณโณ รุ่นเจ้าสัว" เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม 2567 โดยจัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี ของการก่อตั้งองค์ท้าวเวสสุวรรณโณ ศาลหลักเมืองอุดรธานี โดยนายอิทธิพนธ์ ตรีวัฒนสุวรรณ ประธานมูลนิธิโรงพยาบาลเทศบาลนครอุดรธานี ในฐานะผู้จัดสร้าง ได้นิมนต์พระเกจิคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงทั้งในภาคอีสานและภาคกลาง มาร่วมอธิษฐานจิต ปลุกเสกเหรียญ “ท้าวเวสสุวรรณโณ รุ่นเจ้าสัว” มีข้าราชการ คหบดี และชาวอุดรธานี เข้าร่วมพิธีกันอย่างคับคั่ง เพราะต่างศรัทธาและมากราบขอพรจากหลวงปู่มหาศิลา สิริจันโท
หลังเสร็จพิธี ระหว่างเดินทางกลับ หลวงปู่มหาศิลาฯ ระสงค์จะไปเยี่ยมโยมอุปัฏฐาก เมื่อครั้งหลวงปู่มาจำพรรษาที่ จ.อุดรธานี ซึ่ง พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ได้ขับรถตราโล่นำขบวนรถหลวงปู่มหาศิลาไปพบ นางหมุน พลไทย อายุ 78 ปี และ ร.ต.ทิพย์ พลไทย อายุ 79 ปี ชาวบ้านพรานเหมือน ต.บ้านขาว อ.เมือง จ.อุดรธานี โยมอุปัฏฐาก เมื่อครั้งหลวงปู่จำพรรษาที่วัดป่าบ้านพรานเหมือน ซึ่งหลวงปู่มหาศิลาฯ อยู่ที่บ้านคุณยายหมุน ประมาณ 1 ชม.จึงเดินทางกลับ
นางหมุน อายุ 78 ปี และ ร.ต.ทิพย์ อายุ 79 ปี คุณตาและคุณยาย สองสามีภรรยา ซึ่งเป็นโยมอุปัฏฐากหลวงปู่มหาศิลา เล่าเรื่องหลวงปู่ศิลา ให้ฟังว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ.2528 หลวงปู่มหาศิลา เดินธุดงค์มาจาก จ.ร้อยเอ็ด ได้มาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าวราราม บ้านพรานเหมือน ซึ่งในขณะนั้นมีพระจำพรรษาอยู่เพียงรูปเดียว พวกตนดีใจมากที่มีพระมาจำพรรษา เพราะเกรงว่าจะเป็นวัดร้าง
พวกตนจึงทำกุฎิเป็นกระท่อมหลังน้อยให้หลวงปู่พักจำพรรษา เป็นลักษณะยกพื้นสูงหลังเล็กๆ ห้องเดียว หลังคามุงด้วยหญ้าแฝก หลวงปู่เป็นพระที่เรียบง่าย ตนจะทำอาหารไปวัดทุกเช้า ส่วนอาหารเพลตนจะทำใส่ถุงแขวนไว้หน้ากุฎิ พอหลวงปู่ฉันเช้าเสร็จ ตนก็จะกลับบ้าน ซึ่งจะอยู่ห่างวัดประมาณ 500 เมตร หลวงปู่เคยขุดดินลึกลงไปทำเป็นถ้ำ เพราะหลวงปู่บอกว่าจะอยู่ในถ้ำมันเงียบสงบดี ก็จะมีโยมอุปัฏฐากผู้ชายพากันมาขุดช่วย ทำเป็นห้องโถงกว้างมาก แต่ตนไม่ได้ขุดช่วย และไม่กล้าลงไป หลวงปู่จะเข้าไปนั่งสมาธิวิปัสสนาในถ้ำประจำ
หลวงปู่จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าวรารามอยู่ประมาณ 4-5 ปี หลวงปู่ชอบอยู่เงียบๆ เรียบง่าย สมถะ เคยมีความคิดว่าจะปลูกกระท่อมให้หลวงปู่อยู่ในป่าหัวไร่ปลายนา แต่หลวงปู่บอกว่าจะธุดงค์ไปอีก เดี๋ยวจะกลับมาอยู่ จากนั้นก็ออกธุดงค์ไม่รู้ว่าไปไหน แต่เคยตามหาหลวงปู่จนพบว่าจำพรรษาอยู่ที่ จ.ร้อยเอ็ด ก็ชวนลูกหลานไปหาจนพบ หลวงปู่เคยได้จดเบอร์โทรศัพท์ให้ แต่เอาใส่กระเป๋าเสื้อ เมื่อออกไปดำนากระดาษโดนน้ำก็เปื่อยยุ่ย แต่ถ้าหลวงปู่มาทำธุระแถว จ.หนองคาย ก็จะมาแวะหาประจำ ครั้งนี้หลวงปู่มาทำพิธีที่ศาลหลักเมืองอุดรธานี ก็ไม่ได้ไปร่วมพิธี แต่สามีไปก็เข้าไม่ถึง เพราะคนเยอะมาก และหลวงปู่ก็แวะมาหาที่บ้าน แต่ไม่ได้พูดคุยกัน เพราะชาวบ้านที่รู้ข่าวมากราบหลวงปู่ประมาณเกือบ 100 คน จึงไม่มีโอกาสได้คุยกัน และหลวงปู่ก็ไม่ได้ให้อะไรกับพวกตน”
คุณยายหมุน เล่าต่อไปว่า เมื่อครั้งหลวงปู่ยังไม่ดังขนาดนี้ หลวงปู่เดินทางมาทำธุระที่ จ.หนองคาย เสร็จแล้วได้มาเยี่ยมตน หลวงปู่ก็จะให้พระเครื่อง ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเป็นเหรียญหลวงปู่มหาศิลา หรือไม่ พอหลวงปู่กลับไป ลูกหลานอยากได้มาขอ ตนก็แจกลูกหลานไป ไม่มีเหลือติดบ้านเลย พอหลวงปู่ดัง ก็มีผู้คนเดินทางไปกราบไหว้จำนวนมาก ตนก็ได้แต่นั่งดูหลวงปู่ในทางทีวี เพราะดูโทรศัพท์ไม่เป็น เมื่อวานนี้หลวงปู่มาหาก็รู้สึกดีใจ แต่ไม่ได้พูดคุยกัน เพราะคนมากราบหลวงปู่มาก ไม่เป็นส่วนตัว ถ้ามีโอกาสลูกหลานจะพาไปกราบหลวงปู่ที่ จ.กาฬสินธุ์ แต่ถ้าคนอื่นมาชวนก็ไม่กล้าไปด้วย เพราะว่าตนมีโรคประจำตัวเดินทางไม่สะดวก
“หากเล่าเรื่องปาฏิหาริย์ของหลวงปู่มหาศิลา ก็เคยพบเจอมาด้วยตัวเอง วันเกิดเหตุได้ไปยกยอ ทอดแหหาปลา ได้ถอดสร้อยทอง แหวนทอง และเงินใส่ถุงพลาสติกเอาไว้ในเก๊ะรถยนต์ และสั่งให้ลูกเฝ้าไว้ เมื่อหาปลาเสร็จได้กลับมาที่รถ พบว่าสร้อย แหวน และเงินที่ใส่ถุงไว้หายไปหมด สอบถามลูกที่เฝ้าก็บอกว่ามีคนมาเปิดเอา และขู่ลูกห้ามบอกใคร ไม่รู้จะทำอย่างไรเสียดายเงินทองมาก จึงไปหาหลวงปูที่กุฏิ หลวงปู่บอกว่ามีคนขโมย และบอกชื่อคนขโมย ทำให้กำนันพาลูกน้องไปจับคนขโมยได้ พอจับมาได้ทรัพย์สินคืน ตนก็ไม่เอาเรื่องไม่ดำเนินคดี และปล่อยตัวเขาไป” คุณยายหมุนเล่า
ส่วนเรื่องโชคลาภเกี่ยวกับตัวเลข ครั้งที่หลวงปู่ศิลาจำพรรษาอยู่ที่วัดป่าวราราม จะให้ตัวเลขแม่น จนมีชาวบ้านจากอำเภอต่างๆ ทั้ง จ.อุดรธานี และ จ.หนองคาย และละแวกใกล้เคียง มาขอโชคลาภกับหลวงปู่จำนวนมาก พอได้โชคคนละ 1-2 ล้าน ก็จะนำปัจจัยมาถวาย หลวงปู่ก็จะนำมาสร้างศาลา สร้างกุฎิ ส่วนตนซึ่งอยู่รับใช้ใกล้ชิดหลวงปู่ กลับไม่เคยได้ยินเวลาหลวงปู่พูดถึงตัวเลข เพราะวันๆ ตนต้องทำหน้าที่ชงกาแฟต้อนรับญาติโยม ที่มาขอโชคกับหลวงปู่ ตนชงกาแฟตั้งแต่หัวค่ำจนเช้า คนที่มาขอโชคลาภก็กลับไป ตนจึงได้ไปถามหลวงปู่ว่า ตนยังไม่ได้โชคเลยไม่มีใครบอก หลวงปู่จึงบอกว่าโชคก็อยู่กับลูกสาวตน 2 คน ซึ่งเป็น พ.ศ.เกิดลูกสาวของตน พ.ศ. 2517 และ 2518 พอตนจะไปเสี่ยงโชค ก็พบตำรวจมาดักรอจับ และไม่กล้าไปซื้อ พอหวยออกปรากฏว่าออกตรง 17 กับ 18
ขณะที่ ชาวบ้าน ที่ทราบข่าวว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้หลวงปู่มหาศิลาได้เดินทางมาบ้านคุณยายหมุนและคุณตาทิพย์ ซึ่งเป็นโยมอุปัฏฐาก ต่างก็บอกว่าคุณตาและคุณยาย เป็นคนมีบุญ เพราะว่าทุกคนที่ศรัทธา ต้องเดินทางไปกราบหลวงปู่มหาศิลาที่ธรรมอุทยาน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ แต่คุณยายหมุนและคุณตาทิพย์เป็นคนมีบุญ หลวงปู่มหาศิลาได้มาเยี่ยมถึงบ้าน จึงอยากมาพบคนมีบุญ ผู้หญิงก็จะเข้ามากอดคุณยายหมุน พ่อค้าบางคนขับรถนำอาหารมาให้โดยไม่คิดเงิน สร้างความดีใจให้กับคุณยาย และคุณตาเป็นอย่างมาก ซึ่งทุกคนที่มาบ้าน มักจะถามเลขที่บ้าน อายุคุณยายหมุน และคุณตาทิพย์ ซึ่งจะนำเลขที่เกี่ยวข้องคุณยายและคุณตาคือเลข 342 78 และ 79 เพื่อนำไปเสี่ยงโชค