รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณีที่ นายเอ(นามสมมุติ) หนุ่มมือกลอง ได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ลำลูกกา หลังแฟนสาวซึ่งเป็นนักร้อง ถูกเจ้าของร้านอาหาร และภรรยาของเจ้าของร้าน ร่วมกันกระทำชำเรา กักขังหน่วงเหนี่ยวและทำร้ายร่างกาย
เหตุการณ์เกิดขึ้นในบ้านของเจ้าของร้านอาหารที่ตนเองเล่นดนตรีอยู่ ในพื้นที่ อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี โดยนายเอ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด
แต่วันเดียวกันผู้ที่ถูกกล่าวหาได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและเปิดคลิปหลักฐานขณะร่วมหลับนอนกับนักร้องหญิง แฟนสาวนักดนตรี เพื่อให้ดูว่า ตนเองไม่ได้ขืนใจหรือทำร้ายร่างกายผู้เสียหาย
นายเอ และ นางสาวบี คู่สามีภรรยา เล่าเหตุการณ์ในคืนเกิดเหตุว่า พวกตนไปเล่นดนตรีที่ร้านนี้ พอเล่นเสร็จ คุณบี(ภรรยาของนักดนตรี) ก็นั่งดื่มเหล้าต่อกับคุณสอง ซึ่งเป็นเจ๊ ภรรยาของเจ้าของร้าน ส่วนคุณเอ มือกลอง นั่งดื่มกินกับเพื่อน
คุณบีบอกว่า ตอนนั้นสามีจะกลับแล้ว แต่ตนยังอยากดื่มกับเจ๊ต่อ จึงให้สามีกลับบ้านไปก่อน คิดว่าอยู่กับเจ๊ และน้องๆ ผู้หญิง คงไม่ได้เป็นอะไร สุดท้ายเขาชวนไปดื่มต่อที่บ้านของเจ๊ ซึ่งตนไม่เคยไปมาก่อน ก็ไปกับเขาด้วย
แต่พอไปถึงบ้าน เขาบอกให้ตนไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนนั้นตนเมามากแล้ว จำไม่ได้ว่าดื่มกินกันต่อหรือไม่อย่างไร จำได้แต่ว่าเขาพาเข้าไปในห้องนอน เจอคุณหนึ่ง ชายเจ้าของร้าน นอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนเตียง ไม่ได้ใส่เสื้อ ก่อนที่ตนจะเมาภาพตัดไป
รู้สึกตัวอีกที ตนถูกคุณหนึ่งขืนใจ ส่วนเจ๊เป็นคนถ่ายคลิป ตนตกใจมาก ลงมาจากห้องโวยวายว่า “มึงหลอกกู กูจะแจ้งความจับพวกมึง” จากนั้นก็พยายามวิดีโอคอลหาคุณเอ สามี บอกว่า “กูโดนข่มขืน มาช่วยหน่อย” แต่พูดได้แค่นี้ ก็ถูกลูกน้องของเจ๊แย่งโทรศัพท์ไป
จากนั้นตนหนีออกมาจากบ้าน ไปขอความช่วยเหลือจากป้อมยาม โดยตอนนั้นตนใส่ชุดนอนแบบเซ็กซี่ของเจ๊ ที่เขาเอามาให้ใส่ หอบเสื้อผ้าของตัวเองออกมา รอสามีมารับ โดยใบหน้าร่างกายมีร่องรอยของการถูกทำร้าย
ขณะที่คุณหนึ่งและคุณสอง เล่าเหตุการณ์ในมุมของตัวเอง โต้ตอบว่า ยอมรับว่าพวกตนมีรสนิยมทางเพศ ชอบการมีสัมพันธ์แบบ ชาย 1 หญิง 2 คุณสองไม่มีปัญหาที่จะมีหญิงอีกคนมาร่วมมีสัมพันธ์กับสามี เป็นความชอบของพวกตน
แต่ในวันเกิดเหตุ ตนไม่ได้ตั้งใจ หรือมีเจตนาจะพาสาวนักร้องไปมีเพศสัมพันธ์กับสามี เพียงแต่ชวนกันไปดื่มกินต่อที่บ้าน โดยมีน้องๆ ผู้หญิงไปดื่มด้วย ซึ่งสามีอยู่ที่บ้านก่อนแล้ว ไปถึงบ้านพวกตนก็ดื่มกันต่อที่บ้านประมาณ 15-20 นาที
ตอนนั้นนักร้องสาวบอกว่า อยากเปลี่ยนเสื้อผ้า ตนก็พาเขาขึ้นไปบนห้อง เพื่อจะเอาเสื้อผ้าให้เขา และจะบอกสามีด้วยว่าตนกลับมาถึงบ้านแล้ว แต่พอเข้าไปในห้อง เขาก็เห็นว่าสามีตนนอนอยู่ในห้อง ตนยังไม่ทันหยิบเสื้อผ้าได้ นักร้องสาวก็ถอดเสื้อผ้าตัวเองออกที่ปลายเตียง แล้วลงไปนั่งข้างๆสามี
คุณหนึ่งและคุณสองบอกว่า นักร้องสาวถามแล้วถามอีกว่า พี่ไม่โกรธเหรอ พี่โอเคใช่ไหม คุณสองบอกว่า “กูไม่โกรธมึงหรอก” พอได้ยินว่าคุณสองซึ่งเป็นภรรยาไม่โกรธ นักร้องสาวก็เลยเป็นฝ่ายเริ่ม และยินยอมพร้อมใจมีสัมพันธ์กับคุณหนึ่งเอง โดยไม่ได้เป็นการบังคับขืนใจใดๆ แน่นอน
ทางคุณบี ตอบโต้ว่า ได้เห็นคลิปที่ถูกถ่ายไว้แล้ว โดยยอมรับว่าตนเมามายไม่มีสติจริงๆ แต่ถ้าเรื่องมันเป็นอย่างที่เขาบอก ว่าตนเมา แล้ไปแก้ผ้าต่อหน้าสามีเขา ทำไมถึงไม่ห้าม ทำไมไม่เอาตนออกมา ทำไมไม่กันตนออกจากสามีเขา ในเมื่อเห็นอยู่แล้วว่าตนไม่มีสติ
ทางคุณสองโต้ว่า ก็ในเมื่อมองว่าเขาสมยอม และยังหันมาถามตนว่า ถ้าทำจะโกรธไหม ก็เข้าใจได้ว่า นักร้องสาวยังมีสติรู้ตัว และอยากจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้ห้ามปรามอะไร มันเป็นรสนิยมทางเพศของคู่ตนอยู่แล้ว
หากถามว่าแล้วถ่ายคลิปไว้ทำไม ก็ต้องบอกว่า ตนจำเป็นต้องถ่ายไว้ กลัวว่าจะมีปัญหาทีหลังว่าเขามาแบล็กเมลว่าตนไปข่มขืนอะไรต่างๆ นานา อยากจะชี้ให้เห็นว่า ที่เขาลุกมาเอาเรื่องเรา เป็นเพราะเขาร้อนเงินหรือไม่ เจตนาจะแบล็กเมลเอาเงินเราหรือไม่
อย่างไรก็ตาม คุณบี บอกว่า ตนไม่คิดจะเอาเงินอะไรจากเขา และตนไม่ต้องการเงินเยียวยา สิ่งที่ลุกขึ้นมาพูดในวันนี้ ก็เพื่อจะดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
ขณะที่ อาจารย์ปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักงานอัยการสูงสุด ชี้ให้เห็นว่า การข่มขืน ไม่ได้หมายความจะต้องใช้กำลังบังคับเท่านั้น มันมีแนวคำพิพากษาฎีกาออกมาแล้ว ในเรื่องว่า การกระทำชำเรา ในสภาวะที่ฝ่ายหญิงไม่สามารถจะขัดขืนได้ หรือในภาวะโง่เขลาเบาปัญญา ต่อให้สู้ในลักษณะว่าอีกฝ่ายสมยอม แม้แต่ในเคสสีกาถูกพระหลอกให้หลงเชื่อว่าเป็นการทำพิธีต่างๆ แล้วยอมให้พระล่วงละเมิด ก็เป็นการข่มขืนเหมือนกัน
เพราะฉะนั้นอยากเตือนทางเจ้าของร้านว่า การถ่ายคลิปต่างๆ ไว้ มันอาจจะเป็นหลักฐานมัดตัวในฝั่งของตัวเอง เพราะคำว่า “ข่มขืน” ในทางกฎหมาย มันอาจจะไม่เหมือนอย่างที่คุณคิด
#ล่วงละเมิด #เจ้าของร้านอาหาร #นักดนตรี #โหนกระแส