อุทาหรณ์หญิงวัย 58 ปี กินทุเรียนกับน้ำอัดลม ช็อกเสียชีวิตกลางดึก ครอบครัวยากจน ไม่มีเงินจัดงาน นำร่างไปขอเจ้าอาวาสวัดดัง ช่วยจัดงานฌาปนกิจ
24 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้ เกิดเหตุหญิงสูงอายุใน อ.โนนสุวรรณ จ.บุรีรัมย์ กินทุเรียนและดื่มน้ำอัดลม พอตกดึกเกิดช็อกหมดสติ สามีรีบพาส่งโรงพยาบาล สุดยื้อ สุดท้ายเสียชีวิต
นักข่าวลงพื้นที่วัดไผ่ทองสุทธาราม ซึ่งทางครอบครัวได้ขอให้เจ้าอาวาสช่วยเหลือจัดงานฌาปนกิจให้ เนื่องจากครอบครัวฐานะยากจน ซึ่งเจ้าอาวาสก็เมตตา เพราะทางวัดเองก็ได้จัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือจัดงานให้ผู้ยากไร้ฟรีอยู่แล้ว
จากการสอบถามชายอายุ 69 ปี สามีผู้เสียชีวิต เล่าว่า ภรรยามีอาชีพทำกับข้าวขายในหมู่บ้าน วันที่ 22 พ.ค. 68 ก็ยังเตรียมของเพื่อทำกับข้าวตามปกติ กระทั่งเวลาประมาณ 14:00 น. ภรรยาออกไปซื้อทุเรียนมากิน เขาก็กินไป 2 พลูเล็กๆ และเวลา 16.00 น. ก็ซื้อน้ำอัดลมมากินอีก 1 ขวด หลังจากกินเสร็จก็ยังปกติ กระทั่งตกเย็นภรรยา บอกว่า รู้สึกแน่นหน้าอก หายใจไม่ค่อยสะดวก ตนก็ถามว่าจะไปหาหมอหรือไม่ แต่ภรรยาบอกว่าไม่อยากไป เพราะไม่มีรถ ถ้าไปก็ต้องไปรบกวนญาติพี่น้องให้พาไปอีก
จากนั้นเวลา 21.00 น.8 ภรรยาก็บอกว่ารู้สึกเหมือนไม่ค่อยสบายตัว ก็บอกให้นวดหลังและขาให้ ตนถามย้ำอีกว่าจะไปหาหมอไหม แต่ภรรยายืนกรานว่าไม่อยากไป กระทั่งตี 2 ภรรยาก็บอกว่าแน่นหน้าอกอีก และออกมานั่งโต๊ะข้างนอก ตนเห็นอาการไม่ค่อยดี จึงบอกให้เพื่อนบ้านโทรแจ้ง 1669 และโทรเรียกกู้ชีพให้ แต่ผ่านไปสักพักไม่เห็นรถพยาบาลมารับสักที
กระทั่งต่อมาภรรยาหมดสติ จึงตัดสินใจให้เพื่อนบ้านช่วยพาส่ง รพ.เมื่อไปถึง รพ.หมอพยาบาลปั้มหัวใจช่วยประมาณ 30 นาที แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตได้ สุดท้ายก็เสียชีวิต ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตด้วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน
ส่วนตัวเชื่อว่าสาเหตุน่าจะมาจากที่ภรรยามีโรคประจำตัว คือโรคความดันอยู่แล้ว และกินทุเรียนกับน้ำอัดลมอีก อาจทำให้ความดันสูงขึ้นจนเกิดภาวะช็อก
ทั้งนี้ข้อมูลของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ให้ข้อมูลเตือนภัยเกี่ยวกับกรณีการกินทุเรียนกับน้ำอัดลมว่า กลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหัวใจ ควรเลี่ยง เพราะมีผลต่อปริมาณน้ำตาล และห้ามกินทุเรียนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ด้วย เพราะจะทำให้ร่างกายเกิดความร้อนสูง เสี่ยงเสียชีวิตได้
คนที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและโรคความดันโลหิตสูง ควรระมัดระวังในการกินทุเรียน อาจกินได้แต่น้อย และไม่บ่อยครั้ง