‘นะโม บ้านช่างทอง’ เปิดใจ ช่วยลูกค้าไถ่ทองล้านกว่าบาท เพราะสัมผัสได้ถึงความลำบากและความทุกข์ของเขา

จากรณี ‘นะโม บ้านช่างทอง’ ได้โพสต์คลิปลงในติ๊กต็อก เผยเรื่องราวของลูกค้าที่นำทองมาขาย พร้อมเล่าเรื่องราวชีวิตครอบครัวที่ต้องเผชิญปัญหาอย่างหนัก ทั้งหลานถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอก ทั้งแม่ที่ป่วยต้องฟอกไต สุดท้าย คุณนะโมได้ช่วยไถ่ทองที่ลูกค้าจำนำไว้ที่ร้านอื่น และรับซื้อทองไว้ เพื่อให้ลูกค้านำเงินส่วนต่างไปใช้จ่ายนั้น

(อ่านข่าว : “นะโม” ช่วยลูกค้าไถ่ทองให้ล้านกว่าบาท ฟังเรื่องราวชีวิต หลานโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลอก 5 ล้าน ขโมยทองหมดเซฟไปจำนำ ชีวิตครอบครัวดำดิ่ง)

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ ‘นายรังสิต แดงโสภา หรือนะโม’ เจ้าของร้านนะโมบ้านช่างทอง ตั้งอยู่ริมถนนสายท่าลาน-สระบุรี ต.ท่าลาน อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี

โดยคุณนะโมได้เปิดใจถึงเรื่องราวดังกล่าวว่า ตนได้ใช้เงินจำนวน 1.4 ล้านบาท ไปช่วยไถ่ถอนทองให้ลูกค้าที่ จ.สิงห์บุรี ทางร้านจะช่วยเหลือเฉพาะผู้ที่ยากไร้เท่านั้น ไม่ได้ทำเป็นอาชีพ ซึ่งทางร้านก็ได้ไปไถ่ถอนมาให้ และทางลูกค้าก็ตกลงที่จะขายให้กับทางร้าน เพื่อที่จะได้ส่วนต่างกลับไป เนื่องจากว่าต้องใช้เงินในการฟอกไตให้กับคุณแม่

ส่วนต่างที่ได้ไปเป็นเงิน 2 แสนกว่าบาท ซึ่งลูกค้ามีความพอใจมาก เนื่องจากตอนแรกลูกค้าคิดว่าหลังขายให้แล้วจะเหลือเงินประมาณ 7-8 หมื่นบาท แต่สุดท้ายเงินเหลือถึง 2 แสนกว่าบาท ลูกค้าก็รู้สึกดีใจมาก และยังได้กล่าวขอบคุณตน ซื้อของมาฝากตนด้วย

ถ้าลูกค้าลำบากจริงๆ ป่วย ติดเตียง หรือไม่ไหวแล้ว สภาวะสภาพคล่องของครอบครัวไปต่อไม่ได้แล้ว ตนก็พร้อมที่จะช่วย แต่หากไปจำนำไว้เฉยๆ แล้วอยากไถ่เอาออกมาขายให้ตน ตนไม่ได้ช่วยในส่วนนี้ จะช่วยเฉพาะเคสที่ลำบากจริงๆ และต้องสืบดูก่อน

จุดที่ตนอยากช่วยเหลือมากที่สุดก็คือ เรื่องที่ทางลูกค้าเหลือเงินอยู่ภายในบัญชีเพียง 16 บาท ซึ่งเขาก็ได้เอาบัญชีให้ดู และตนได้สัมผัส ได้เห็นใบหน้าของลูกค้า ทำให้ตนรู้สึกได้ว่าเขาทุกข์จริงๆ มือของเขาจะสั่นอยู่ตลอด และมีน้ำตาคลออยู่ตลอด เหมือนกับคนที่หมดหวังแล้ว ซึ่งตนก็พบเจอมาบ่อยมาก ตนจึงขอดูตั๋วจำนำและหลักฐานอื่นๆ จากลูกค้า ก่อนจะตัดสินใจเข้าช่วยเหลือ

ถ้าตนไม่ช่วย ลองคิดดูง่ายๆ แค่ดอกเบี้ยที่จำนำ 2 ปีก็แสนกว่าบาทแล้ว เขาสามารถที่จะนำเงินดอกเบี้ยที่เสียไปมาทำอย่างอื่นได้อีกมากมาย คนที่ล้มเขาก็ต้องการความช่วยเหลือ แต่เขาไม่มีเงิน และไปหยิบยืมใครก็ไม่ได้ ตนจึงได้ตัดสินใจช่วย

จริงๆ แล้วสิ่งที่ตนช่วยไป ตนยังไม่รู้ว่าหักลบแล้วตนจะเหลือเท่าไหร่ แต่ตนก็ได้ให้ส่วนต่างกับลูกค้าไปหมดเลย

ทองที่ลูกค้านำมานั้นส่วนใหญ่จะไม่ใช่ทองคำรูปพรรณ จะเป็นมรดกของพ่อแม่เขาที่เขาพยายามจะรักษาเอาไว้ เป็นพวกแหวนแต่งงานของแม่ สร้อยระย้าเพชรพลอย แต่สุดท้ายด้วยแม่ของเขาป่วย และเขาก็ไม่มีอาชีพ ธุรกิจของเขาก็เจ๊งไปหมดเลยเพราะว่าแก็งคอลเซ็นเตอร์เอาไป 5 ล้าน เงินต่อทุนก็ไม่มีแล้ว ตนเองก็เลยอาสาที่จะเข้าช่วย