รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณี พ่อพาณัฐ ลูกชายวัย 20 ปี มาร้องขอความเป็นธรรมกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกกลุ่มวัยรุ่นบุกเข้ามาทำร้ายลูกชายและเพื่อน ภายในบ้าน ที่ จ.สกลนคร ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เบื้องต้นไปแจ้งความไว้นานกว่า 1 เดือน แต่ไม่มีความคืบหน้า
ณัฐเล่าเหตุการณ์ว่า เหตุเกิดเกิดเมื่อช่วง 23.20 น. ของวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ขณะตนกำลังนั่งกินข้าวอยู่กับกลุ่มเพื่อนรวม 5 คนอยู่ที่เพิงพักบริเวณหลังบ้าน จู่ๆ มีกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 12 คน ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาในหมู่บ้าน จากนั้นวัยรุ่น 5 คนบุกถือมีดดาบเข้ามาไล่ฟัน ตนและเพื่อน ทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ซึ่งตนนั่งอยู่ริมสุดทำให้ถูกฟันเข้าที่บริเวณเอว จนต้องวิ่งหนีตายเอาชีวิตรอด แต่ตนโชคร้ายสะดุดล้ม ทำให้ถูกรุมฟันที่ศรีษะ ลำตัว ได้รับบาดเจ็บสาหัสมีบาดแผลทั่วตัว ทั้งที่หน้าผาก ปาก คาง และแผ่นหลังถูกฟันรวม 5 แผลปาก แต่หนักสุดคือที่หนังศรีษะถูกฟันเป็นแผลยาว 6 เซนติเมตรจนกะโหลกร้าว และบริเวณจมูกด้านซ้ายถูกฟันจนเปิดเป็นแผลยาว 5 เซนติเมตร แพทย์ทำการรักษาเย็บบาดแผลทั่วตัวมากกว่า 100 เข็ม รวมถึงต้องส่งตัวไปศัลยกรรมจมูกที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด เนื่องจากโรงพยาบาลแรกไม่สามารถเย็บบาดแผลที่จมูกให้ได้ รวมระยะเวลาที่ต้องพักรักษาตัวต่อเนื่องนาน 1 เดือน
ทั้งนี้หลังก่อเหตุกลุ่มวัยได้ตะโกนถามหาคนชื่อ "เต๋อ" ซึ่งเป็นคู่อริ และไม่ใช่กลุ่มเพื่อนของตน คาดกลุ่มวัยรุ่นตั้งใจมาทำร้ายคู่อริที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันกับตน แต่ไม่พบตัว แล้วมาเห็นกล่มตนและเพื่อนนั่งกินข้าวกันอยู่ จึงปรี่เข้ามาทำร้ายเพื่อประกาศศักดา รวมถึงหลังก่อเหตุ กลุ่มวัยรุ่นยังโพสต์ภาพอาวุธลงในโซเชียลมีเดีย อย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายด้วย
ขณะที่พ่อของผู้เสียหายเปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุ ตนของได้ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.วานรนิวาส แต่ผ่านมานานกว่า 1 เดือนแล้วคดีกลับยังไม่มีความคืบหน้า ตำรวจเพียงเรียกกลุ่มผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำเพียง 8 คน อ้างว่าทางกลุ่มผู้ก่อเหตุไม่ได้ซัดทอดไปยังคนอื่น แต่ผู้เสียหายเชื่อว่าผู้ก่อเหตุ 4 คนที่ถูกกันตัวไว้เป็นลูกหลานตำรวจ ทำให้คดีล่าช้า
นอกจากนี้ตำรวจยังโทรศัพท์มาเจรจาให้พ่อของผู้เสียหายยินยอมไกล่เกลี่ย แล้วรับเงินค่าเสียหาย 1 แสนบาทเพื่อจบเรื่อง อ้างว่า กล้องวงจรปิดเห็นภาพไม่ชัด และผู้ก่อเหตุส่วนใหญ่เป็นเยาวชน มีอายุ 19 ปีเพียงแค่ 1 คน หากขึ้นศาลเยาวชนโทษก็ค่อนข้างน้อย แต่พ่อของผู้บาดเจ็บ ยืนยัน ต้องการดำเนินคดีกับกลุ้มผู้ก่อเหตุจนถึงที่สุด
ขณะที่เต๋อ โฟนอินเข้ามาเล่าว่า ไม่รู้จักพวกผู้ก่อเหตุเลย ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไร คิดว่าเด็กวัยรุ่นในหมู่บ้านตนไปก่อเรื่อง หรือมีเรื่องอะไรกับกลุ่มตรงข้ามนั้นไหม แต่อยู่ดีๆ กลุ่มผู้ก่อเหตุก็วิดีโอคอลมา ทักมาหาเรื่อง มาท้อตีท้าต่อย ตนเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นเด็กวัยรุ่นที่ไม่รูจัก ไม่อยากต่อความยาวด้วย ก็เลยบอกว่า กูไม่ไปหรอก เสียดายน้ำมัน ไม่ได้คิดว่าเขาจะยกพวกมาถึงหมู่บ้านของตน แล้วไปทำร้ายผิดคน ไปทำร้ายณัฐจนสาหัสขนาดนั้น
เต๋อยังบอกว่ารู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้ณัฐถูกทำร้าย ตนไปเป็นพยานให้กับพ่อของณัฐตอนแจ้งความ แต่ไม่กล้าสู้หน้าณัฐ เพราะยังรู้สึกละอายใจ วันนี้จึงอยากบอกณัฐว่า ขอโทษ ขณะที่ณัฐบอกว่า ที่ผ่านมาเป็นเวลาร่วมเดือน เต๋อน่าจะออกมาแสดงน้ำใจ มาดูแลเยียวยากันบ้าง ไม่ใช่เงียบหายไปแบบนี้
ด้าน ไอ หัวหน้าแก๊งผู้ก่อเหตุ โฟนอินเข้ามาในรายการ เล่าปมที่บุกเข้าไปฟันทำร้ายณัฐ โดยบอกว่า ก่อนเกิดเหตุนี้ มีคนบุกเข้ามาไล่ฟัน ไล่ทำร้ายพ่อของตน เพราะพ่อตนไปเตือนไม่ให้เขาขี่รถเสียงดัง ซึ่งสองคนที่พ่อตนจำได้ดี คือเต๋อและณัฐ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 มิ.ย. หลังจากนั้นตนจึงบุกไปฟันณัฐที่บ้านเพื่อแก้แค้น
ไอ ยืนยันว่ามีพยาน มีคลิป เอาคลิปมาให้คนในหมู่บ้านดู เขาก็ยืนยันว่าเป็นณัฐกับเต๋อ แต่ทางณัฐยืนยันว่า ไม่ได้ไปทำร้ายใคร ไม่ได้ไปแน่นอน ขณะที่เต๋อ ยืนยันว่าตนก็ไม่เคยไปไหน ไม่ได้ไปทำร้ายใคร ตนไม่มีรถ
ขณะที่ พ.ต.อ.พินิจ ประสิทธิ์เขตกิจ ผู้กำกับการ สภ.วานรนิวาส ซึ่งตอนนี้นั่งอยู่ข้างๆ นายไอ เพราะสอบปากคำอยู่ และมีเสียงของผู้กำกับแทรกเข้ามาในสายอยู่เป็นระยะ แต่ทางผู้กำกับยืนยันว่า ไม่ได้กระซิบบอกบท เพียงแต่นายไอเขาไม่มีความมั่นใจที่จะพูด ตนจึงบอกว่าให้พูดตามข้อเท็จจริงไปเลย
ร่วมกันบุกรุกเคหสถาน, ร่วมกันทำร้ายร่างกายเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส และ พกพาอาวุธ หากรวบรวมพยานหลักฐาน พฤติการณ์ทางคดี และความเห็นของแพทย์ประกอบ ก็อาจเข้าข่ายพยายามฆ่าได้ด้วย
สิ่งที่ทางตำรวจอยากชี้แจงก็คือ ที่มีการกล่าวหาว่าตำรวจไปเข้าข้างคนผิด ไปรับเงิน เป็นญาติพี่น้องอะไรต่างๆ นานา มันเสียหายไปหมด ยืนยันว่าตำรวจทำตามขั้นตอนทางคดี ไม่มีการเข้าข้างใครแน่นอน
ส่วนแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมดกี่คน ที่ไปกันในวันนั้น ต้องแจ้งข้อกล่าวหาทั้งหมด ส่วนจะกี่คนนั้น เดี๋ยวเอาคลิปมาดูก็เห็นหมดว่าไปกันกี่คน
ขณะที่ไอยืนยันว่า 13 คนที่ไปด้วยกันในวันนั้น ตนก็จำไม่ค่อยได้ มีหลายคนที่ตนไม่รู้จัก เพราะเป็นเพื่อนของเพื่อนอีกที ซึ่งทางทนายแก้วบอกว่า คดีนี้แนะนำให้บอกชื่อ บอกรายละเอียดกับตำรวจจะดีกว่า มันจะเป็นประโยชน์กับตัวไอมากกว่า