ผัวคลั่งยา! ทำร้ายเมียต่อหน้าลูกวัย 5 ขวบ ซ้ำตามอาละวาดบ้านพ่อตาแม่ยาย ทุบบ้าน-ทุบรถเสียหาย ก่อเหตุซ้ำจนคนในบ้านหวาดผวา

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ใน ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น หลังได้รับการร้องเรียนให้ช่วยเหลือ โดยได้พบกับเจ้าของบ้าน คือสองสามีภรรยา อายุ 71 ปี และ น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 43 ปี ซึ่งได้รับความเดือดร้อนเนื่องจากสามีของ น.ส.เอ ที่คลุ้มคลั่งจากยาเสพติด ตามระรานทุบบ้าน ทำลายทรัพย์สินต่างๆ จนพังเสียหาย

ล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุได้ขับรถมาจอดหน้าบ้านพร้อมกับลูกน้อย ปาก้อนอิฐขนาดใหญ่จากนอกรั้วบ้าน ถูกประตูกระจกหน้าบ้านจนแตกเป็นรูขนาดใหญ่ พร้อมทั้งทุบทำลายรถยนต์ของน้องชาย น.ส.เอ ที่จอดอยู่หน้าบ้านจนพังเสียหายรอบคัน ซึ่งเจ้าของบ้านได้ถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน เตรียมแจ้งความกับตำรวจ สภ.บ้านเป็ด อีกครั้ง หลังเคยแจ้งความมาแล้ว 3 ครั้ง แต่ก็จบด้วยคำว่าเป็นปัญหาครอบครัวเท่านั้น

น.ส.เอ ได้เปิดบาดแผลรอยฟกช้ำทั้งตัวให้ผู้สื่อข่าวดู ซึ่งถูกสามีทำร้ายเตะไม่ยั้ง เหตุเกิดเมื่อ 4 วันที่ผ่านมา ภายในบ้านที่ทั้งคู่อาศัยอยู่ด้วยกัน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพ่อแม่ไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง และเป็นการทำร้ายร่างกายต่อหน้าลูก ก่อนจะกลับมาพักฟื้นร่างกายที่บ้านพ่อแม่ เตรียมไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกาย นำเป็นหลักฐานเข้าแจ้งความ

และยังได้เปิดรอยแผลจากขวาน ซึ่งสามีใช้ขวานจามเข้าที่คิ้วด้านขวา เมื่อ 2 ปีที่แล้ว จนคิดว่าตาจะบอด แต่แพทย์ทำการรักษาไว้ได้ พร้อมทั้งเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า สามีมีอาชีพรับจ้างทั่วไป รับตัดไม้ส่งโรงงาน ที่ต้องร้องเรียนกับสื่อมวลชนเพราะสามีก่อเหตุบ่อยครั้ง อยากแยกทาง แต่สามีไม่ยอม จะมาตามให้กลับไปที่บ้าน บังคับขู่เข็ญ มาทุบมาตีทำลายข้าวของ เพราะติดยาเสพติดอย่างหนัก

สามีคลั่งจากฤทธิ์ยาเสพติด หลอนคิดไปเองต่างๆ นานา ตนจะทำงานอะไรก็ไม่ได้ ทั้งมีความหึงหวง บางวันก็จะไม่ให้ตนออกจากบ้านจนเสียงาน บางครั้งตามไปอาละวาดใส่ที่ทำงาน

การแจ้งความครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 4 แล้ว ที่ผ่านมาจะถูกตีเป็นปัญหาครอบครัว โทษน้อย ถ้าไม่เสียค่าปรับก็ติดคุก ไม่นานก็ออกมา แล้วออกมาก็ยิ่งสร้างความเสียหายหนักขึ้น ทางตำรวจแนะนำว่าต้องรอความเสียหายสะสมเยอะๆ จึงจะสามารถแจ้งข้อหาหนักได้ โดยเฉพาะบุกรุกยามวิกาล จนกระทั่งตอนนี้เกิดความเสียหายมากขึ้น ทั้งทุบบ้านทุบประตู ทั้งกลางวันกลางคืน นับเป็นหลายๆ คดี รวมกันแล้วประมาณ 4 คดี

ตอนนี้หนีออกมาได้ 4 วัน เพราะถูกทำร้ายร่างกายต่อหน้าลูก เวลามาก่อเหตุก็ยังพาลูกมาด้วย บ้างครั้งก็อุ้มลูกก่อเหตุ โดยตอนนี้ลูกยังอยู่กับสามี เวลามาก็จะโยนก้อนอิฐใส่บ้านต่อหน้าลูกที่นั่งอยู่ในรถ เรื่องลูกก็เป็นสิทธิ์ของเรา แต่เหมือนถูกเอาลูกไปเป็นตัวประกันเพื่อไม่ให้เราตอบโต้หรือป้องกันตัว จะอุ้มลูกมาพร้อมอาวุธ บางครั้งเราจะใช้กำลังแต่ก็กลัวลูกโดนลูกหลง ตอนที่ตนหนีออกมาเป็นช่วงที่ฝ่ายชายอารมณ์ดี บอกไปว่าจะพาลูกไปหายาย ก็ให้ออกมาได้ปกติ แต่สักพักก็ตามมาอาละวาด

ปรึกษาทางตำรวจหลายๆ คน พยายามจะเข้ามาช่วยเพราะเป็นคดีครอบครัว เกิดเหตุซ้ำๆ เป็นปัญหาครอบครัวตลอด ไม่สามารถแก้ไขได้ และยังมีการไประรานคนอื่นๆ รอบตัวด้วย จนตำรวจจำได้ว่าเป็นคนนี้อีกแล้ว คนที่ถูกระรานต้องย้ายบ้านหนี เพราะยาเสพติดทำให้เขาคลุ้มคลั่ง หูแว่วว่าคนข้างบ้านไปด่าทอตัวเขา

สามีจะมีพฤติกรรมอาละวาดมาตลอด และไม่ได้ขู่ เขาจะบอกก่อนว่าจะทำแบบนั้นแบบนี้ แล้วก็เข้ามาทำจริงๆ ก่อนหน้านี้เคยเปิดร้านอาหารด้วยกัน แต่พอเริ่มติดยาเสพติดก็เอาเงินที่ค้าขายแบ่งไปซื้อจนไม่มีเงินทุนหมุนเวียน และกลายเป็นแบบนี้ ตนอยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ไม่อยากให้มีการลดโทษ อยากให้ติดคุกนานๆ ไม่ต้องออกมา และอยากจะตัดขาดกันไปตลอดขีวิต

ด้านพ่อแม่ของ น.ส.เอ กล่าวว่า ลูกเขยจะหงุดหงิดกระวนกระวาย ถ้าหากไม่ได้เสพยา แต่ถ้าได้เสพยาก็จะปกติ ตอนนี้อยากให้ขาดกันไปเลย ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกันอีก สงสารหลานและเป็นห่วงหลาน เพราะลูกเขยไม่สามารถเลี้ยงดูลูกได้ ทางพ่อแม่ฝ่ายชายก็แก้ไขปัญหาไม่ได้ บ้านเราทั้งสองฝ่ายต้องการจบกันไป แต่ติดที่ลูกเขยคนเดียวที่ไม่ยอม ทุกๆ วันจะโทรมา แล้วเข้ามาอาละวาดตามคำขู่ตลอด จนเกิดความหวาดผวา ไม่รู้จะเข้ามาตอนไหนบ้าง อยากให้เอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ล่าสุด ผกก.สภ.บ้านเป็ด เผยว่า ได้ให้ชุดสืบสวนลงพื้นที่ติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว แต่ไม่พบตัว คาดว่าหลบหนีไปหาพ่อกับแม่ พร้อมประสาน พมจ.ขอนแก่น เข้ามาดูในส่วนปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและเด็ก