ดรามาพ่อแย่งลูกไปจากอกยาย กรีดร้องใจจะขาด เปิดใจแม่เด็ก ถูกทำร้ายจนสุดทน วอนเอาลูกมาคืน อย่ามาใช้ศาลเตี้ยแบบนี้

รายการโหนกระแส วันนี้ เปิดใจ คุณแม่คนหนึ่ง ที่ถูกอดีตสามีมาพรากลูกไป ลูกชายวัย 2 ขวบครึ่ง ถูกอดีตสามีพาชายฉกรรจ์บุกพาตัวไปต่อหน้ายาย กลางวันแสก ๆ ขณะอยู่ที่หน้าร้านค้าในพื้นที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง โดยในรายการได้แม่เด็ก กับยายของเด็ก มานั่งเล่าเหตุการณ์ในรายการ

แม่เด็กเล่าว่า ตั้งแต่คบหากับอดีตสามีคนนี้ ก็มีปัญหาหลายอย่าง ปัญหาแรกคือแม่ของฝ่ายชายไม่ชอบเรา มีปัญหาพยายามจะเข้ามาทำร้ายร่างกายเราในช่วงที่เราไปอยู่กินที่บ้านเขา ช่วงที่มีปัญหาแม่ผวลูกสะใภ้ สามีจะเป็นคนกลางคอยกัน ไม่ให้แม่มาทำร้ายเรา แต่หนักเข้าก็อยู่กันไม่ไหว ต้องย้ายออกมาเช่าห้องอยู่กันเอง ที่ห้องเช่าใน จ.สุรินทร์

แต่พอออกมาอยู่ด้วยกันกับสามี เขาก็เริ่มมีพฤติกรรมทำร้ายร่างกาย อะไรที่พูดไม่เข้าหู เขาก็จะทำร้ายจนบาดเจ็บ เราคิดว่าเราจะเปลี่ยนแปลงเขาได้ ก็ทน เล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็จะบอกให้เราเลิก แต่เราไม่อยากเลิก ยอมรับว่ารักเขา แต่สุดท้ายก็ยังถูกทำร้ายอยู่เรื่อยๆ

ต่อมาไม่ได้ป้องกัน จนเราตั้งท้อง พอรู้ว่าท้องเราร้องไห้หนักมาก จริงๆก็ดีใจ แต่กลัวว่าแม่เราจะว่า กลัวว่าพ่อแม่ฝ่ายชายจะไม่ยอมรับ ผู้ชายอยู่กับเราตอนที่ตรวจเจอว่าท้อง แต่เขานิ่งมาก ดูไม่ได้ยินดียินร้ายเลย แล้วยังไม่ยอมบอกที่บ้านด้วยว่าเราท้อง จะไม่ยอมพาเราไปเจอที่บ้าน

ตอนที่ตั้งครรภ์ เขาก็ไม่ได้มาดูแลใส่ใจอะไร อ้างแต่ว่าทำงาน ปล่อยให้เราอยู่ห้องคนเดียว ต้องขับรถไปตรวจครรภ์เองจนคลอด พอคลอดออกมาเลี้ยงลูกที่ห้องเช่าแคบๆ ตามลำพังคนเดียว มีอาการซึมเศร้าหลังคลอด เขาก็ไม่สนใจ บอกแต่ว่าทำงาน 

แล้วก็เริ่มมาทะเลาะกันหนักเรื่องเลี้ยงลูก เพราะเราเป็นแม่มือใหม่ ไม่มีประสบการณ์ แต่สามีเคยมีลูกมาก่อนแล้ว เขาจะรู้ว่าต้องทำยังไง แต่แทนที่จะมาบอกมาสอนกัน กลับต่อว่าด่าทอแล้วทำร้ายเรา ที่เราเลี้ยงลูกไม่ดี ทำร้ายจนเราบาดเจ็บ

สุดท้ายคิดว่าเราทนไม่ไหวแล้ว แม่เด็กทนจนลูกโตมาขวบเศษ ก็ตัดสินใจหอบลูกหนี กลับไปอยู่กับแม่ ที่ อ.ปลวกแดง จ.ระยอง อยู่มาเป็นปี โดยที่ฝ่ายอดีตสามีก็ยังตามรังควาน อดีตสามีเคยมีคดีติด GPS ตามรถจักรยานยนต์ของตน ขับรถปาดหน้าเพื่อพยายามลักพาตัว แต่ไม่สำเร็จ คดีดังกล่าวยังอยู่ระหว่างดำเนินการที่ สภ.ปลวกแดง ก่อนจะมาก่อเหตุอีกครั้งในการพาเด็กหลบหนี

จนกระทั่ง เหตุการณ์แย่งลูกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 เมษายน เวลาประมาณ 12.30 น. กล้องวงจรปิดจับภาพขณะชายสองคน พยายามพาเด็กขึ้นรถกระบะสีดำ โดยชายหนึ่งในนั้นคือพ่อของเด็ก ในคลิปจะเห็นชายคนดังกล่าวอุ้มเด็กไว้และอ้างว่าจะพาไปเที่ยว แต่เด็กดิ้นและร้องไห้พร้อมพูดว่า “ไม่ไปๆ” ขณะที่ยายพยายามเข้าขัดขวางและตะโกนขอความช่วยเหลือ ถูกชายอีกคนผลักออก ก่อนทั้งหมดจะพาเด็กขึ้นรถและหลบหนีไป

ยายของเด็กพร้อมสามีได้เข้าแจ้งความที่ สภ.ปลวกแดง โดยยายเปิดเผยทั้งน้ำตาว่ารู้สึกหัวใจจะขาด เป็นห่วงหลานอย่างที่สุด และแม้พยายามปกป้องสุดชีวิต ก็ไม่สามารถต้านแรงชายฉกรรจ์ได้

ต่อมาเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 30 เมษายน 2568 นายประหยัด ต๊ะสุยะ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุรินทร์ ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ พม. พร้อมด้วยนายพิสูตร ดีเลิศ นายก อบต.แกใหญ่ ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.แกใหญ่ อ.เมืองสุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านของพ่อเด็ก

เจ้าหน้าที่พบพ่อเด็กอยู่ในบ้านพร้อมกับลูกชาย โดยเด็กอยู่ในอาการปกติ ไม่มีอาการบ่งชี้ว่าได้รับอันตราย เจ้าหน้าที่จึงขอให้พ่อเด็กส่งคืนบุตรให้ยายและมารดา แต่พ่อเด็กไม่ยินยอม พร้อมระบุว่าเรื่องทั้งหมดจะดำเนินการผ่านขั้นตอนทางกฎหมายในชั้นศาลเท่านั้น พร้อมทั้งขอไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของครอบครัว

บรรยากาศการพูดคุยใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง โดยพ่อเด็กแสดงท่าทีไม่ต้องการให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์หรือถ่ายภาพ และมีญาติของเขาออกมาห้ามผู้สื่อข่าวไม่ให้เข้าไปในบริเวณบ้าน

ขณะที่ทนายแก้ว ชี้ว่า ในส่วนของคดีความต้องแยกส่วนออก ณ เวลานี้ พม. ยังไม่สามารถเข้าไปเอาเด็กออกมาได้จริงๆ เพราะยังไม่มีเหตุที่เป็นอันตรายต่อตัวเด็ก แต่ถ้าถามว่าเด็กเป็นสิทธิ์ของใคร ต้องบอกว่าเป็นสิทธิ์แต่ฝ่ายของแม่แต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะพ่อเด็กไม่ได้จดทะเบียนรับรองบุตร ไม่ได้จดทะเบียนสมรส

แต่สิ่งที่จะทำให้เด็กออกมาได้ ก็คือต้องมีหมายในคดีอาญา ที่เป็นคดีการพรากผู้เยาว์ ที่พ่อเด็กมาพรากไปจากแม่ เป็นคดีพรากผู้เยาว์โทษสูง ซึ่งคดีอยู่ที่ปลวกแดง แต่ล่าสุดทางตำรวจปลวกแดง ส่งต่อไปที่สุรินทร์แล้ว และจะมีการออกหมายเรียกไปยังผู้ชายคนดี ซึ่งหากเป็นแบบนี้ ทาง พม. สามารถเข้าไปรับตัวเด็กออกมาได้เลย

ตอนเช้าแม่ของฝ่ายชายพยายามจะคุยเกลี้กล่อมแม่เด็ก ว่าไม่ให้มาออกรายการโหนกระแส แล้วแม่จะช่วยเกลี้ยกล่อมลูกชายให้ ขอไม่ให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ไหม แล้วจะส่งเด็กกลับคืนให้ แต่ทางแม่เด็กบอกว่า ไม่ทันแล้ว และถ้าตนยอมถอย ด้วยนิสัยของอดีตสามีเขาคงไม่ยอมแน่นอน

ต่อมาพี่สาวคนสนิทของพ่อเด็กโฟนอินเข้ามา พูดในมุมของน้องตัวเองว่า เขาก็กลัวว่าถ้าคืนลูกไป เขาจะไม่ได้เจอลูกอีก ที่เขาทำร้ายร่างกายแฟน เราก็ไม่ได้เข้าข้างหรือว่าบอกว่าเขาถูก ตัวเขาก็ยอมรับ และยืนยันว่าให้ไปใช้สิทธิ์ตามกฎหมายได้เลย เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น ต้องถามว่า ตอนที่แม่เด็กมาอยู่ที่บ้าน เขาทำอะไรบ้าง ไม่อยากจะรื้อฟื้น แต่ ณ วันนี้ ไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายไปกว่านี้ได้ไหม

สุดท้ายเรื่องนี้ต้องให้พ่อเด็กไปฟ้องต่อศาล ขอสิทธิ์ในการเลี้ยงดู ถ้าอยากเจอหน้าลูก ก็ต้องไปขอสิทธิ์นี้ครึ่งหนึ่ง แต่จะมาใช้ศาลเตี้ยแบบนี้ คงไม่ได้