มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแสthaich3ช่อง 3 กด 33
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube
honekrsaaehonekrsaae
thaich3ช่อง 3 กด 33honekrsaae
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
search
ปิด
honekrsaae
honekrsaae
มาร่วมตีแผ่กระแสที่แรงที่สุดในสังคม กับรายการโหนกระแส
thaich3ช่อง 3 กด 33
หน้าหลัก
ข่าวกำลังโหน
โหนทุกข่าว
โหนบันเทิง
โหนไปมู
โหนร้องทุกข์
วีดีโอ
Live
ติดต่อเราfacebooktiktokxyoutube

อุ๊ยทุกท่อน! สาวร้องถูกแฟนหนุ่มทำร้ายตอนท้อง ไม่รับผิดชอบเด็ก ฝ่ายชายโฟนอินโต้ เขาโกหกตั้งแต่รูปโปรไฟล์ เด็กมีตัวตนจริงไหม ท้าพามาตรวจ DNA


ข่าวด่วน
30 พฤษภาคม 256822,521
อุ๊ยทุกท่อน! สาวร้องถูกแฟนหนุ่มทำร้ายตอนท้อง ไม่รับผิดชอบเด็ก ฝ่ายชายโฟนอินโต้ เขาโกหกตั้งแต่รูปโปรไฟล์ เด็กมีตัวตนจริงไหม ท้าพามาตรวจ DNA

ในรายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกับคุณคาร่า สาวที่ไปร้องกับ เพจเฟซบุ๊กชื่อดัง "ท่านเปา" โพสต์ภาพจากกล้องวงจรปิดของคอนโดแห่งหนึ่ง พร้อมระบุว่า มีหญิงสาวตั้งครรภ์ 5 เดือนร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายกลางทางเดินคอนโด เนื่องจากจับได้ว่าฝ่ายชายแอบมีคนอื่น และเธอร้องขอให้เซ็นรับรองบุตรเพื่อให้ลูกมีสิทธิตามกฎหมาย แต่ฝ่ายชายปฏิเสธ ทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัย และจนถึงตอนนี้เรื่องราวยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโซเชียล

 

ในรายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกับคุณคาร่า สาวที่อ้างว่าถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายตอนตั้งท้อง  เล่าว่า รู้จักผู้ชายคนนี้ ผ่านทาง TikTok เพราะเราเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปกระเป๋าลงในโซเชียล ฝ่ายชายเข้าใจผิดว่าเราเป็นแม่ค้ากระเป๋า ทักมาขอซื้อ แต่พอเราบอกว่าไม่ใช่ จากนั้นก็เลยได้คุยกันเรื่อยมา เห็นจากในรูปเขาก็ดูดี คุยกันหลายเรื่องต่อเนื่องมา 2-3 ปี จนกระทั่ง เมษายนปี 2567  ฝ่ายชายขอเราเป็นแฟน ตกลงเป็นแฟนกัน 

 

โดยที่ตนยังอยู่ฮ่องกง เขาอยู่ไทย ช่วงเวลาที่มีสัมพันธ์ระยะไกลกัน เราส่งของให้เขาตลอด ทั้งเสื้อผ้าแบรนด์เนม น้ำหอม เราเรียนทำขนม เราก็ทำขนมส่งให้เขาจากฮ่องกง ส่งไปให้เขาที่ไทย ให้เขาไปแบ่งเพื่อนที่ทำงานด้วย แต่เคยวิดีโอคอลหากันแค่ครั้งเดียว ได้เห็นหน้ากันผ่านวิดีโอคอล ตอนที่คอลมาฝ่ายชายอยู่ในร้านเหล้า  ตอนนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ได้เห็นหน้าตัวจริงกันและกัน ก่อนจะได้เจอตัวจริง

 

ตอนที่มีความรักระยะไกล เรายังต้องอยู่ที่ฮ่องกงต่ออีกสักพัก เพราะเราป่วยไทรอยด์เป็นพิษ เราบอกเขาว่าเราต้องใช้เงินรักษาตัว ฝ่ายชายก็จะโอนเงินมาให้เราทันที บอกว่าอยากทำศัลยกรรมตา เขาก็โอนให้ หลายต่อหลายครั้ง จนรวมๆ น่าจะสามแสนกว่าบาทได้  โดยฝ่ายชายจะโอนเงินเข้าบัญชีคุณย่าเรา หรือแม่เรา เพราะทั้งสองท่านมีบัญชีไทย แต่เราไม่มีบัญชี คุณย่าคุณแม่จะกดเงินสดมาให้เรา ส่วนตัวเราก็จะโอนเงินให้เขาบ้าง ถ้าเขาบอกว่าอยากไปดื่ม ไปกินอะไร เราจะโอนให้เขาผ่านทาง Alipay Wallet ถามว่าแล้วเราทำงานเป็นแม่ค้า ขายของออนไลน์ ทำไมถึงไม่มีบัญชีธนาคาร ก็ต้องบอกว่า เราไม่มีเหตุจำเป็นต้องใช้  เพราะการขายของ ลูกค้าเขาจะโอนเข้าบัญชีของร้านค้า เราก็ได้เงินเดือน ได้เงินส่วนแบ่งจากทางร้านอีกที ส่วนใช้จ่ายเงินต่างๆ เราก็ใช้จ่ายผ่านวอลเลตแอป อยู่แล้ว

 

หลังจากรักษาไทรอยด์อยู่ 3 เดือน เราตัดสินใจกลับไทย เมื่อ ก.ค. 67 โดยตกลงว่าจะมาใช้ชีวิตร่วมกัน ตอนที่ได้เจอหน้ากันครั้งแรกที่คอนโดของเรา เขาทักว่าเราอ้วนขึ้นนะ ไม่สวยเหมือนเดิม เราก็บอกว่า เราน้ำหนักขึ้น 27 กิโล เพราะเราป่วยไทรอยด์ เราถามว่าเขารับได้ไหม ถ้ารับไม่ได้ก็ให้เขากลับได้เลยนะ ฝ่ายชายเขาก็ดึงเราไปกอด บอกว่าเดี๋ยวค่อยมาลดน้ำหนักกัน ไม่เป็นไร  แล้วคืนนั้นผู้ชายก็ขอนอนที่ห้องเรา จากนั้นก็ใช้ชีวิตด้วยกันเรื่อยมา

 

หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตด้วยกัน โดยฝ่ายชายมาอยู่ด้วย 4 วันต่อสัปดาห์ ช่วงสุดสัปดาห์เขาก็บอกว่าต้องกลับไปอยู่บ้าน เราใช้ชีวิตด้วยกันแบบปกติมากๆ เหมือนสามีภรรยาที่ดีต่อกัน เราไม่รู้เลยว่า เขานอกใจเรามาตลอด โดยช่วง ก.ย. 67 เขาเปลี่ยนไป ไม่ค่อยมาหา ไม่ค่อยมาอยู่ด้วย ทำตัวห่างเหิน บอกว่าเครียดเรื่องงานเรื่องเงิน จนไม่นาน เขาก็บอกเลิกเรา บอกว่าความรู้สึกไม่เหมือนเดิมแล้ว เราไปคุยไปเคลียร์ ไปขอโอกาสเขา ขอยื้อเขา แล้วก็ยังพยายามจะปรับตัวเข้าหากันต่อ โดยเรื่องที่ทะเลาะกันส่วนใหญ่คือ ฝ่ายชายติดเที่ยว ชอบออกไปเที่ยว ไปร้านเหล้าแทบทุกคืน 

 

จนกระทั่งเราเริ่มรู้ตัวว่าตั้งท้อง ตอนที่บอกเขา เขาก็บอกว่าเช็กให้ดีนะ ว่าใช่หรือเปล่า เพราะเขานอนกับผู้หญิงมาหลายคน ก็ไม่เคยมีใครท้อง แต่สุดท้ายเราก็ท้องจริงๆ แต่ฝ่ายชายบอกว่า ความรู้สึกเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่อยากจะมารับผิดชอบ เราทำข้อตกลงกันหลายเรื่อง เขาบอกว่าจะให้ปู่ย่า(พ่อแม่ของฝ่ายชาย) เลี้ยงลูก ส่วนเราจะกลับฮ่องกง ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเลี้ยงดูลูก ต้องหารกันคนละครึ่ง แต่ตลอดเวลาที่เราตั้งครรภ์ ฝ่ายชายไม่เคยมาดูแล และเวลาเมาก็จะชอบพูดว่า กูไม่อยากให้เด็กคนนี้เกิดมาเลย มึงเก็บเด็กไว้เองนะ อะไรแบบนี้ แม้แต่ตอนที่เราไปคลอด พยายามโทรหาฝ่ายชายเป็น 50-100 สาย เขาก็ไม่รับ ติดต่อไม่ได้ จนเราต้องไปคลอดลูกคนเดียวลำพัง

 

ตลอดช่วงที่เราตั้งท้อง เขาจะโอนเงินให้เรายากมาก อ้างแต่ว่าติดลบ ไม่มีเงิน โอนให้หลักร้อย หลัก 1-2 พันบาท โดยตอนที่มาอยู่ไทย คุณย่าให้บัญชีเรามาใช้ โดยให้ ATM กับ ให้แอปไทยพาณิชย์เรามาใช้ แต่เมื่อถามว่า แล้วเวลาต้องทำธุรกรรมที่เกิน 50,000 บาทจะทำยังไง ในเมื่อต้องสแกนหน้า แต่ว่าคุณคาร่าบอกว่าไม่เคยเกิน ดร.หมวยถามย้ำว่า แล้วค่าคลอดไม่เกินเหรอ เห็นว่าฝากท้องที่ รพ.เอกชน คุณคาร่าบอกว่า ถ้าเกินก็ใช้ ATM หรือไม่ก็โอนให้เพื่อน ให้เพื่อนกดให้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราฝากครรภ์ ต้องไปตรวจ ต้องไปหาหมอ เคยไปกราบขอร้องเขา เขาก็ไม่เคยไป ให้เหตุผลว่า ไม่อยากไป 

 

ส่วนเหตุการณ์ที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์ วงจรปิดคอนโด ที่เห็นว่าเราถูกทำร้ายตอนที่ตั้งครรภ์ 5 เดือน เมื่อ 17 ม.ค. 68  เราไปขอร้องให้เขาไปตรวจครรภ์กับเรา ไปยืนรอที่ชั้น 7 อยู่หลายชั่วโมง  เอาจดหมายสอดใต้ประตูห้องเขา ขอให้เขาไปกับเราได้ไหม รออยู่นานจนเตรียมจะกลับแล้ว ลิฟต์เปิดเขาออกมา ก็เลยได้คุยกัน ตอนแรกก็ยังคุยกันดีๆ แต่พอเราพูดเรื่องตรวจท้อง เขาก็เริ่มโมโห พูดจาไม่ดี แล้วพอเราเปลี่ยนเรื่อง ว่าเราเห็นเขาพาผู้หญิงอื่นเข้าห้อง เนื่องจากจับได้ว่าฝ่ายชายแอบมีคนอื่น เขาก็เข้ามายื้อแย่งมือถือ จนเกิดเป็นภาพที่เห็น ว่าเราถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายกลางทางเดินคอนโด 

 

แต่ระหว่างที่คุณคาร่าเล่าอยู่นั้น คุณเอ ฝ่ายชาย ขอโฟนอินด่วนเข้ามาในรายการ โดยบอกว่า สิ่งที่คุณคาร่าเล่าไม่จริงเลย และผู้หญิงคนนี้เอารูป เอาข้อมูลของคนอื่นมาหลอกลวงตน โดยคุณเอได้เตรียมภาพ เตรียมหลักฐานทุกอย่างมา ส่งให้ทีมงานเอาขึ้นจอ และบอกว่า คุณคาร่าหลอกลวงมาตลอด ตั้งแต่ช่วงที่ยังไม่เคยเจอหน้ากัน โดยคุณเอเอารูปที่คุณคาร่าใช้ใน TikTok เป็นภาพผู้หญิงสุดสวย หุ่นดี ถามว่า ถ้าคุยกับผู้หญิงสวยขนาดนี้ ผมจะไม่อยากวิดีโอคอลกับเขาเหรอ ทำไมเขาถึงยอมให้วิดีโอคอลแค่ครั้งเดียว แถมครั้งเดียวนั้น เอาหันกล้องไปทางอื่น

 

ส่วนทางบัญชีที่เขาอ้างว่า เป็นบัญชีคุณย่าเขา ที่เขาบอกว่า เขาไม่มีบัญชีไทย คุณเป็นที่มีบัญชีไทย ไปตรวจสอบมาเจอว่าบัญชีนี้เพิ่งจะเปิดเมื่อกลางปีที่แล้ว เปิดที่นนทบุรี แล้วเงินที่เราโอนให้เขาบ่อยๆ เขาบอกว่า เขากำลังจะขายที่ดิน ถ้าขายได้จะคืนให้ เราก็โอนเงินให้เขา สำรองให้เขาไปก่อน เขาบอกว่าถ้าขายที่ได้ จะคืนเงินให้

 

เมื่อถามว่า คุณเอหวัง เป็นอาหวังในตัวเขาหรือเปล่า เราก็ถูกตั้งประเด็นนี้มาตลอด แต่อยากจะบอกว่า คุณคาร่าเคยเสนอเงินให้ 1 ล้านบาท ไม่รู้จะเสนอให้ทำไม เหมือนจะซื้อใจตนหรือเปล่า แต่ตนไม่ขอรับเงินก้อนนั้น เรามีหลักฐานในแชตเก็บไว้หมด เขาไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร

 

ผู้หญิงคนนี้สร้างเรื่องหลายอย่าง ตอนนี้ตนไม่ค่อยเชื่อแล้วว่า ที่ผ่านมาเขาไม่เคยอยู่ฮ่องกงจริงๆ ถ้าเขาจะยืนยันว่าเคยอยู่จริง มีหลักฐานการเดินทางเข้าออกประเทศไหม คุณคาร่าก็ยืนยันว่ามีวีซ่าทำงานในต่างประเทศ  คุณเอบอกอีกว่า คุณคาร่าเคยอ้างว่า เธอไม่มีบัตรประชาชนไทย เลยทำธุรกรรมอะไรไม่ได้ แต่ตนไปค้นเจอบัตรประชาชนในกระเป๋าเขา รูปหน้าบัตรทำเมื่อ 2-3 ก่อน ก็เป็นหน้าตาแบบนี้ ที่นั่งอยู่ในรายการตอนนี้เลย 

 

ที่เขาอ้างว่าเราไปมีสัมพันธ์กับเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอหน้ากัน ก็ไม่จริง วันแรกที่เจอเขา ตนแทบไม่แตะเนื้อต้องตัวเขาเลย ถามว่านอนที่ห้องเขาไหม ก็นอน เพราะต้องการจะหาความจริง หาหลักฐานมามัดตัวเขาให้ได้ว่าหลอกลวงอะไร 

 

แต่พอจับโป๊ะได้ทุกอย่าง เขาก็สร้างเรื่องทุกอย่าง ข่มขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย ถ่ายรูปมาให้ดูว่ากำลังจะฆ่าตัวตาย ปลอมแอคเคาต์ต่างๆ มาเป็นเพื่อน เป็นใครก็ไม่รู้ ส่งข้อความมาบอกว่าให้เราเข้าไปดูเขา ไปหาเขาหน่อย ตนไปจริงๆ เพราะเขากำลังสร้างเรื่องว่า ตนทำลายผู้หญิงคนหนึ่ง จนทำให้เขาจบชีวิตตัวเอง ทุกครั้งที่เขาขู่แบบนี้ ตนก็ต้องรีบไป ไปบอกรปภ.ให้พาขึ้นไปดู เป็นแบบนี้อยู่เป็นเดือนๆ

 

เหตุการณ์ลุกลามมากขึ้นเมื่อฝ่ายหญิงยื่นคำขาดว่า หากอยากให้เลิกยุ่งและคืนชีวิตให้ ต้องยอมนอนกับเธอโดยไม่ใส่ถุงยาง แม้คุณเอจะลังเล แต่สุดท้ายก็ยอมทำตาม เพราะอยากให้เขาเลิกยุ่งเกี่ยว เลิกไประรานคนรอบตัวผมสักที เขาทักไปหาทุกคนที่อยู่ใกล้ชิดผม ด่าว่าเป็นอีเมียน้อย เป็นกะxx ทั้งที่คนอื่นไม่รู้เรื่องเลย 

 

ยืนยันว่า เหตุการณ์นั้นเหมือนการถูกข่มขืน เพราะไม่ได้เต็มใจ ทำไปแบบส่งๆ ทำให้มันจบๆ ไป ทำไปเพราะอยากได้ชีวิตคืน แต่พอหลังจากเหตุการณ์นั้นไม่ถึง 1 สัปดาห์ ยังไม่ครบ 7 วันดี เขากลับมาบอกว่าเราท้อง ซึ่งคุณเอรู้ทันทีว่า ถูกวางแผนไว้ คนที่ไหนจะท้องภายใน 6-7 วัน หลังมีเพศสัมพันธ์กัน

 

เขาพยายามขอหลักฐานยืนยันการตั้งครรภ์ และฝ่ายหญิงก็ส่งใบตรวจ DNA มาให้ แต่เมื่อตรวจสอบกับโรงพยาบาลที่ระบุไว้ กลับพบว่าเป็นใบปลอม เพราะไม่มีประวัติคนไข้รายนี้ และโรงพยาบาลไม่ได้ให้บริการตรวจ DNA แบบในเอกสาร เพราะต้องมีพ่อและแม่ไปรับบริการด้วยตนเอง

 

คาร่าบอกว่า ช่วงเวลาที่กล่าวอ้าง ตนกลับไปที่ฮ่องกง จะไปส่งให้เขาได้ยังไง แต่ทนายแก้วและ ดร.หมวย ถามย้อนว่า แต่ตอนที่คุยต้นรายการ คุณคาร่าพูดเองว่า ตลอดเวลาที่ตั้งท้องอยู่ไทยตลอด ไม่เคยกลับฮ่องกงเลย ไม่ได้กลับไปรายงานตัว จนถูกตัดวีซ่าทำงาน แต่คุณคาร่าบอกว่าตนกลับไป 1 ครั้งเพื่อขอเงินคุณย่า โดยที่เล่าให้ทีมงานฟังไปแล้ว แต่ไม่ได้พูดในรายการ

 

ส่วนการตรวจ DNA ที่ตรวจโดยที่เด็กยังไม่คลอดนั้น โดยปกติไม่มีใครทำกัน เพราะมันอันตรายต่อเด็ก ต้องมีการเจาะน้ำคร่ำ คาร่าอ้างว่าขโมยเส้นผมของเอไปตรวจ แต่คาร่าบอกว่าไม่จริง ไม่เคยอ้างแบบนั้นเลย  แต่เอบอกว่าตนมีหลักฐานทุกอย่าง หลังจากถูกจับได้ว่าปลอมเอกสาร ฝ่ายหญิงก็ยิ่งโวยวายหนัก และกล่าวหาว่าคุณเอทำร้ายร่างกายขณะตั้งครรภ์ 

 

ส่วนประเด็นเรื่องการทำร้ายร่างกาย ตนไม่เคยมีประวัติทำร้ายร่างกายใครเลย ไปเช็กจากแฟนเก่า จากคนรอบตัวของตนได้ทุกคน แต่ผู้หญิงคนนี้ มาระราน มาป่วนที่คอนโด จนตนไม่กล้ากลับคอนโดเลย รปภ. นิติฯ พยายามจะส่งผู้หญิงคนนี้ไป รพ. แต่เขาก็ต่อต้าน เคยมีข้อพิพาทกันจนตำรวจเคยบอกว่า ถ้าผู้หญิงคนนี้มาปรากฏตัวที่คอนโดอีก ให้โทรหาตำรวจ ตำรวจจะส่งสายตรวจมาระงับเหตุ

 

คลิปวงจรปิดที่คุณคาร่าเอาเปิด เขาไปตัดส่วนต้นออก ที่ตนพยายามเดินหนี พยายามไม่ยุ่งเกี่ยวกับเขา พยายามโทรหาตำรวจ แต่เขาก็มายืนขวางประตูห้อง เช็กกับตำรวจก็ได้ว่าตนโทรไปจริงๆ แล้วผู้หญิงวิ่งเข้ามาแย่งโทรศัพท์ ตนก็สะบัดมือออก แล้วเข้าไปในห้อง  ถ้าดูคลิปจะดูเหมือนเราสะบัดเหวี่ยงเขาลง แต่จริงๆ เหตุการณ์จริงมันไม่ใช่เลย 

 

คุณเอกล่าวเพิ่มเติมว่า ตลอด 2 ปีกว่าที่รู้จักกับฝ่ายหญิง เขาใช้ชีวิตอย่างทุกข์ใจ เพราะฝ่ายหญิงไม่ยอมจบความสัมพันธ์และคุกคามไม่หยุด จนคนรอบตัวและเพื่อนร่วมงานต่างก็รับรู้เรื่องนี้ เนื่องจากฝ่ายหญิงตามไปรบกวนถึงที่ทำงานและคนใกล้ชิด นอกจากนี้เงิน 300,000 บาทก็ยังไม่ได้คืน ล่าสุดคุณเอได้ไปลงบันทึกประจำวันไว้เรียบร้อย และเตรียมดำเนินคดีกับฝ่ายหญิงตามขั้นตอนกฎหมาย

 

คุณเอ ไปแจ้งความไว้ที่ สภ.บางศรีเมือง ในข้อหาหมิ่นประมาท ข้อหา พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และอีกหลายข้อหา รวมๆ แล้ว 6 คดี เรื่องเด็ก ถ้าพิสูจน์แล้วว่าเป็นลูกของตนจริง ตนพร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง

 

เมื่อทนายแก้วถามว่า คาร่าพร้อมจะตรวจ DNA ไหม เพราะจะได้พิสูจน์ความจริงกันไปเลย เพราะคุณเอบอกว่า ถ้าเป็นลูกตนจริงๆ พร้อมจะรับผิดชอบ พร้อมเซ็นรับรองบุตร ไม่มีปัญหาเลย แต่ขอให้เขามาตรวจ DNA 

 

ปรากฏว่าคาร่าบอกว่าไม่ตรวจ ไม่รู้จะตรวจทำไม เรื่องการเรียกร้องสิทธิ์ให้ลูก คาร่าเรียกร้องมานานแล้ว แต่เขาไม่เคยแสดงความรับผิดชอบเลย มาวันนี้จึงไม่ได้ต้องการเรียกร้องสิทธิ์ตรงนี้ และไม่ต้องการตรวจ DNA ที่มาออกรายการวันนี้ เพราะต้องการจะเอาผิดเขาเรื่องทำร้ายร่างกาย 

 

คุณเอบอกว่า ถ้าเป็นแบบนี้ตนพอใจมาก เพราะตนต่อสู้มานาน ถูกกดดันให้รับผิดชอบเด็ก ที่เขาไม่ยอมพิสูจน์ว่าเป็นพ่อเด็ก เรื่องที่คาร่ากล่าวหาอะไรต่างๆ นานา ก็ไปแจ้งความได้เลย ถ้าเขาบอกว่าจากนี้ไป ไม่ต้องมายุ่งกันอีก  แต่สิ่งที่อยากฝากสื่อมวลชนด้วยก็คือ ให้ช่วยไปตรามหาด้วยว่า เด็กที่เขาบอกว่าเพิ่งไปคลอดมา คลอดที่ไหน โรงพยาบาลอะไร เด็กมีตัวตนจริงๆ ไหม เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ตนถูกแขวนในโซเชียลเป็นไอ้หน้าตัวเมีย โดยที่คนอื่นๆ ไม่รู้ความจริงเลยด้วยซ้ำ

 

คุณคาร่าพยายามโต้ว่า ที่ออกมาวันนี้ ไม่ได้เรียกร้องให้เขามาดูแล หรือมารับผิดชอบอะไร ที่ส่งเรื่องไปในเพจท่านเปา ก็แค่ต้องการให้ผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มาตามแซะ ตามด่าตน หยุดยุ่งกับตนสักที ไม่ได้อยากมาออกโหนกระแสด้วยซ้ำ 

 

แต่สุดท้าย ทางรายการบอกว่า เดี๋ยวต้องไปพิสูจน์ความจริงกัน เพราะในหลายเรื่องมีการกล่าวหาในเรื่องที่เป็นความผิดอาญา ต้องมีการพิสูจน์ แต่ที่แน่ๆ ต้องมีคนพูดโกหก ไม่ฝ่ายใดก็ฝ่ายหนึ่ง


แท็กที่เกี่ยวข้อง
#ตั้งท้อง#ไม่ตรงปก