รายการโหนกระแสวันนี้ 24 ต.ค. กลับมาพูดคุยกันอีกครั้งในประเด็นดรามาอู่ซ่อมรถ V10 Garage ของคุณใหญ่ กับคู่รักอินฟลูเอนเซอร์ คุณมอส และ คุณเจีย กรณีรถ Toyota Alphard หลังจากที่ในรายการโหนกระแสเมื่อสัปดาห์ก่อน (17 ต.ค.) มีการตกลงกันไว้ว่า จะให้อู่กลางที่เชื่อถือได้มาเป็นคนกลางตรวจสอบสภาพรถและอะไหล่ว่าเป็นของแท้หรือไม่ และให้คุณใหญ่รับผิดชอบค่าซ่อมต่างๆ ตามสัญญา
ล่าสุด ประเด็นนี้มีความคืบหน้า โดยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จากสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ได้ลงพื้นที่ไปยังอู่ V10 Garage ย่านปทุมธานี เพื่อนำหนังสือขอเข้าตรวจค้นภายในอู่ แต่ปรากฏว่าทางอู่ได้ติดป้ายปิดปรับปรุงชั่วคราว และมีการถอดป้ายชื่ออู่ออกด้วย
การเข้าตรวจค้นครั้งนี้ ทาง สคบ. ต้องการตรวจสอบเอกสารและหลักฐานต่างๆ ในการซ่อมรถให้กับลูกค้า โดยเฉพาะเรื่องสัญญา เนื่องจาก สคบ. มีข้อมูลเบื้องต้นว่า ธุรกิจรับซ่อมรถยนต์เป็นธุรกิจที่อยู่ภายใต้การควบคุมรายการในหลักฐานการรับเงิน หากพบว่ามีการละเมิดประกาศดังกล่าว เช่น ในสัญญาระบุว่าจะต้องเป็นอะไหล่แท้มือหนึ่ง แต่ทางอู่ไม่ส่งมอบสินค้าอะไหล่แท้มือหนึ่งตามสัญญา หรือไม่ส่งมอบหลักฐานการรับเงินที่มีรายละเอียดถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะถือเป็นความผิดทางอาญา มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เนื่องจากในวันดังกล่าวทาง สคบ. ไม่พบกับเจ้าของอู่ ขั้นตอนต่อไปจึงจะต้องไปลงบันทึกประจำวัน และออกหนังสือเชิญคุณใหญ่ เจ้าของอู่ มาให้ข้อมูลกับทาง สคบ. ต่อไป
ขณะเดียวกัน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา คุณมอสและคุณเจีย ก็ได้มีการนัดส่งมอบรถกับคุณใหญ่ที่อู่ โดยมีช่างและผู้เชี่ยวชาญร่วมตรวจสอบสภาพรถด้วย ผลปรากฏว่า จากการตรวจสอบพบว่าอุปกรณ์แท้ถูกถอดออกเกือบทั้งคัน และบางชิ้นเป็นอะไหล่ตัวเดิมของรถที่ถูกนำไปซ่อม ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนใหม่ตามที่ตกลงกันไว้ โดยทั้งคันมีอะไหล่แท้มือหนึ่งเพียงชิ้นเดียว
คุณมอส และ คุณเจีย ซึ่งมาร่วมในรายการวันนี้ด้วย ได้เล่าว่า ทั้งคู่ไม่สามารถยอมรับสภาพรถของตัวเองได้จริง เมื่อเห็นสภาพรถแล้วรู้สึกว่ามันเละจนรับไม่ไหว และยืนยันว่าจากการตรวจสอบ พบว่าหลายชิ้นเป็นอะไหล่เก่าของตนเองด้วยซ้ำ ไม่ได้เป็นของใหม่แต่อย่างใด คุณมอสเล่าอีกว่า ในวันที่ไปตรวจสภาพรถ คุณใหญ่พยายามรบเร้าให้ตนเซ็นรับรถคืน ทั้งที่การตรวจสอบยังไม่เรียบร้อย ซึ่งตนก็ไม่ยอมเซ็น
คุณมอสยังได้ขยายความถึงข้อเสนอของคุณใหญ่ ที่ว่าเมื่อประกันอนุมัติเงินค่าซ่อมมาให้แล้ว 1.3 ล้านบาท คุณใหญ่ขอค่าซ่อมและค่าอะไหล่เป็นเงิน 7 แสนบาท ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 6 แสนบาท ก็ให้คุณมอสเก็บไว้ ถือเป็นค่าเสียเวลา แต่ส่วนตัวคุณมอสยืนยันว่า ตนไม่ได้ต้องการค่าเสียเวลา แต่ต้องการให้คุณใหญ่ซ่อมรถของตนอย่างตรงไปตรงมาตามที่ตกลงไว้ ไม่ใช่ว่าให้ตนเอาเงินส่วนต่างไป แล้วต้องไปหาอู่ซ่อมเองอีกจนเรื่องไม่จบ จึงไม่เข้าใจว่าทำไมคุณใหญ่ถึงไม่ทำทุกอย่างให้ตรงไปตรงมาสักที
อีกหนึ่งประเด็นที่มีการตั้งข้อสังเกตกันมากในเรื่องนี้ ก็คือประเด็นของบุคคลที่ชื่อ "โอ" ซึ่งคุณใหญ่เคยกล่าวถึงในรายการโหนกระแสว่า เป็นหุ้นส่วนและเป็นพี่ชาย ในกลุ่มผู้เสียหายหลายกรณี มีการพูดถึงคนชื่อ "โอ" ว่าเป็นตัวละครสำคัญ โดยมักจะเป็นคนที่รับปากกับลูกค้าว่าจะหาอะไหล่มาให้ หรือรับปากว่าอะไหล่จะเป็นของแท้ เป็นของเบิกศูนย์ แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นไปตามที่รับปากไว้ ทำให้เกิดข้อสงสัยในหมู่คนติดตามข่าวว่า "โอ" มีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงตัวละครที่คุณใหญ่กุเรื่องสร้างขึ้นมาเพื่อปัดความรับผิดชอบเท่านั้น
ในประเด็นนี้ คุณมอส ซึ่งเป็นผู้เสียหายเจ้าของรถอัลพาร์ต ได้ยืนยันข้อเท็จจริงในรายการว่า คนชื่อ "โอ" นั้นมีตัวตนอยู่จริง ตนเองเคยเจอหน้าและเจอตัวจริงของเขาแล้ว โดยคุณมอสอธิบายว่า คนชื่อโอคนนี้ มักจะทำหน้าที่เป็นคนคอยรับหน้าลูกค้าที่มีปัญหา และมักจะเป็นคนที่พูดจาดี มีความนอบน้อม แต่ถึงเวลาจริง ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นอยู่ดี
อีกหนึ่งคนที่มาร่วมในรายการด้วยในวันนี้คือ คุณฝ้าย ซึ่งเป็นเจ้าของรถ Honda Civic ที่รอรับรถมานานกว่า 5 เดือนแล้ว แต่ยังไม่ได้รับรถคืน โดยก่อนหน้านี้ ทางอู่ของคุณใหญ่ได้อ้างว่าเกิดปัญหาติดขัดกับทางบริษัทประกัน แต่เมื่อคุณฝ้ายได้ตรวจสอบกับทางประกันโดยตรง กลับได้รับข้อมูลว่าทางประกันได้อนุมัติการเบิกจ่ายค่าอะไหล่ต่างๆ เป็นของใหม่มือหนึ่งให้ทั้งหมดแล้ว ทำให้คุณฝ้ายเกิดความกังวลว่าทางอู่จะนำอะไหล่ที่ได้มาตรฐานมาติดตั้งให้รถของเธอหรือไม่
ในรายการโหนกระแสครั้งก่อน เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา คุณใหญ่ได้เปลี่ยนท่าทีมาพูดคุยอย่างอ่อนหวาน และรับปากกับคุณฝ้ายในรายการว่า สามารถเข้ามารับรถได้ทันทีในวันนี้ (24 ตุลาคม) และสามารถนำรถไปตรวจสอบมาตรฐานได้จนกว่าจะพอใจ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ยังต้องเคลียร์กับทางบริษัทประกันนั้น คุณใหญ่ยืนยันว่าจะเป็นผู้รับผิดชอบจัดการด้วยตนเองทั้งหมด
แต่ปรากฏว่าเรื่องราวไม่เป็นไปตามที่คุณใหญ่รับปากไว้ จนถึงวันนี้ คุณฝ้ายก็ยังไม่เห็นว่ารถของตัวเองอยู่ที่ไหน เมื่อติดต่อไปในตอนแรก คุณใหญ่ก็บ่ายเบี่ยงว่า ถึงเข้ามาที่อู่ก็อาจจะไม่มีเวลาดูให้ เพราะว่าตำรวจจะลงพื้นที่ที่อู่ จนสุดท้ายก็ไม่สามารถติดต่อคุณใหญ่ได้อีก คุณฝ้ายจึงได้โทรศัพท์ไปปรึกษาส่วนตัวกับ "ทนายแก้ว" เพื่อให้ช่วยตามเรื่องให้ ซึ่งทนายแก้วก็บอกกับคุณฝ้ายว่า ตนได้พยายามลองโทรหาคุณใหญ่แล้ว แต่ก็ติดต่อไม่ได้เช่นกัน
เมื่อคุณฝ้ายเล่ามาถึงตรงนี้ ทำให้ หนุ่ม กรรชัย ผู้ดำเนินรายการ ถึงกับอุทานว่า "เอ๊ะ!" แล้วถามขึ้นมาว่า น้องฝ้ายโทรหาใครนะ โทรหาทนายแก้วอย่างนั้นหรือ จากนั้นจึงได้จี้ถามทนายแก้วว่า ทำไมถึงมีการติดต่อกันส่วนตัวได้ ซึ่งทั้งคุณฝ้ายและทนายแก้วก็ได้ชี้แจงว่า ได้มีการแลกเบอร์กันไว้เพื่อช่วยเหลือผู้เสียหายทุกเคส
หนุ่ม กรรชัย จึงอดที่จะแซวไม่ได้ว่า กับผู้เสียหายคนอื่นๆ ทนายแก้วได้ดูแลติดตามเรื่องให้แบบนี้ด้วยหรือไม่ หรือว่าตามให้แค่สาวสวยอย่างน้องฝ้าย ในจังหวะนี้ คุณมอส ผู้เสียหายอีกราย ได้พูดเสริมขึ้นมาว่า ตนเองก็โทรหาพี่แก้วเหมือนกัน แต่พี่แก้วบอกว่า "เดี๋ยวพี่โทรกลับนะ" ซึ่งประโยคดังกล่าวก็ทำเอาคนในรายการหัวเราะกันขึ้นมา
อีกหนึ่งความช็อกในเรื่องนี้ คือการที่คุณเก่ง อดีตผู้จัดการอู่ V10 ที่เพิ่งลาออกมา ได้มาร่วมในรายการด้วย โดยคุณเก่งเปิดเผยว่า สาเหตุที่ลาออกเพราะรับไม่ได้กับพฤติกรรมในอู่นี้ ที่ใช้วิธีตัดต่อภาพ หรือใช้ Photoshop เพื่อหลอกเบิกเงินกับบริษัทประกัน
คุณเก่ง เล่าว่า ตนเองเข้าไปสมัครงานที่อู่ V10 ตั้งแต่ปี 2566 - 2568 ในตำแหน่งช่างภาพวีดีโอ ตัดต่อ และทำสื่อโซเชียลมีเดีย แต่พออยู่ไปสักพัก ตนเองก็ได้ทำงานทุกอย่างภายในอู่ ทั้งต้อนรับลูกค้า เอารถไปตรวจ จนถึงการเบิกอะไหล่ เปรียบเสมือนเป็นคนดูแลอู่ไปแล้ว
ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจลาออกมา เพราะรู้สึกว่ามีหลายอย่างไม่ถูกต้อง เริ่มจากการที่คุณใหญ่มาสั่งให้ตนเองตัดต่อภาพรถยนต์ Mercedes-Benz คันหนึ่ง โดยคุณใหญ่ให้ลูกน้องไปถอดสเกิร์ตออกมา แล้วมาถามตนว่าสามารถตัดต่อภาพให้สเกิร์ตชิ้นนั้นดูเหมือนเป็น 2 ชิ้นได้หรือไม่ ซึ่งในตอนแรกตนเองคิดว่าคุณใหญ่จะนำภาพไปลงปกหนังสือหรือนำไปใช้ทำสื่ออย่างอื่น ตนจึงทำการตัดต่อจนเสร็จ แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นว่า คุณใหญ่นำภาพที่ตนเองตัดต่อนั้น ไปยื่นเบิกเงินกับบริษัทประกันภัย
คุณเก่งยังเล่าอีกว่า มีหลายครั้งที่ต้องตัดต่อภาพอะไหล่ของลูกค้า เช่น ตัดภาพอะไหล่ชิ้นหนึ่ง มาวางเทียบกับอีกชิ้นหนึ่ง เพื่อทำเรื่องยื่นขอเบิกกับประกัน
นอกจากนี้ยังมีกรณีของรถหรู Lamborghini ที่มีท่อไอเสียพังและถูกถอดออกมา ทางอู่ก็ได้ไปถอดท่อไอเสียของรถ Lamborghini อีกคันที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ออกมา แล้วนำท่อทั้งสองมาวางคู่กัน จากนั้นก็ถ่ายรูปให้ตนเองตัดต่อ ให้ท่อทั้งสองดูเหมือนอยู่ใกล้กัน เพื่อนำไปแสดงให้ลูกค้าหรือบริษัทประกันดูว่า ได้ทำการเปลี่ยนเป็นของใหม่ให้แล้ว แต่ในความเป็นจริง ทางอู่กลับนำท่อที่พังอันเดิมไปซ่อมให้ดูเหมือนใหม่ คุณเก่งยืนยันว่า มีหลายเคสมากที่ตนเองจำเป็นต้องทำในลักษณะนี้
คุณเก่งกล่าวว่า นี่คือสาเหตุหลักที่ตนเองตัดสินใจลาออกจากอู่ดังกล่าว เนื่องจากรู้สึกละอายใจทุกครั้งที่ต้องเป็นคนบอกกับลูกค้าว่าได้เปลี่ยนอะไหล่เป็นของใหม่ให้แล้ว ทั้งที่ความจริงไม่ใช่ สิ่งที่ตนเองออกมาพูดวันนี้ ไม่ได้ต้องการออกมาแฉหรือทำให้คุณใหญ่เสียชื่อเสียง แต่ที่ทำไปเพราะตนเองเป็นคนรักรถ และรู้สึกละอายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
คุณเก่งยอมรับว่า รู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นมีความผิด และการซ่อมรถด้วย Photoshop แบบนี้ก็ผิดกฎหมายชัดเจน จึงไม่อยากจะทำต่ออีกแล้ว เพราะกลัวว่าจะมีความผิดไปด้วย
นอกจากเคสรถลัมโบร์กินี ยังมีเรื่องของลูกค้าที่ถูกปลอมลายเซ็น โดยคุณเก่งเล่าว่า คุณใหญ่เคยให้ตนใช้ Photoshop ลบลายเซ็นที่ลูกค้าเซ็นทับเอกสารออกจนหมดด้วย
เรื่องนี้ทำเอาคนดูในรายการถึงกับอึ้ง เพราะไม่คิดว่าเรื่องราวจะหนักขนาดนี้ ซึ่งทนายแก้ว ได้ให้ความเห็นทางกฎหมายในประเด็นนี้ว่า พฤติกรรมของคุณเก่งที่ผ่านมา ถือว่ามีความผิดด้วย ในฐานะผู้ร่วมกระทำความผิดฐานฉ้อโกง แต่ในทางปฏิบัติ ตำรวจก็น่าจะกันตัวคุณเก่งไว้เป็นพยานในคดี ซึ่งหลังจากนี้คุณเก่งจะต้องไปให้ปากคำกับตำรวจโดยละเอียดอีกครั้ง