ลูกสาวเปิดใจ ปมตัดขาดกับแม่ เล่าแต่ละเรื่อง ช็อกๆ ทั้งนั้น แม่เอารูปเธอไปหลอกพระให้รัก จนเกือบสึกมาอยู่ด้วย

รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุย กรณีหญิงสาวรายหนึ่งได้ออกมาโพสต์ภาพคู่กับแม่ของตัวเอง พร้อมประกาศตัดขาดความสัมพันธ์แม่ลูกอย่างเด็ดขาด โดยให้เหตุผลว่าแม่ของเธอได้นำรูปภาพและข้อมูลส่วนตัวของเธอ รวมถึงภาพของลูกๆ ซึ่งเป็นหลานของแม่ ไปใช้ในการหลอกลวงผู้อื่น ซึ่งครั้งนี้เธอประกาศชัดเจนว่าจะดำเนินคดีกับแม่ของตัวเองอย่างถึงที่สุด

ต่อมา คุณเดียว ซึ่งเป็นลูกสาว ได้เปิดใจ ในรายการโหนกระแสว่า เหตุการณ์หนึ่งที่เธอยังจำได้ดี ว่าเมื่อ 6 ปีก่อน ในวันเกิดของลูกชายคนเล็กซึ่งตอนนั้นอายุเพียง 4 ขวบ แม่ของเธอได้พาผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งมาที่บ้าน และระหว่างที่อยู่กัน 2 ต่อ 2 ชายคนนั้นได้ดึงตัวเธอเข้าไปกอด พร้อมพูดว่า “ทักไลน์ไปทำไมไม่ตอบล่ะจ๊ะ” ทำให้เธองงมากว่าไปทักไลน์กันตอนไหนและมีไลน์กันได้อย่างไร เมื่อขอดูโทรศัพท์ของชายคนนั้น ก็พบความจริงว่า เป็นบัญชีไลน์ของแม่ที่ใช้รูปภาพของเธอไปหลอกลวงชายคนดังกล่าว คืนนั้นเธอจึงสั่งให้แม่ไล่ชายคนนั้นออกจากบ้านทันที

เรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่ใช่ครั้งแรก เพราะแม่ของเธอเคยกระทำลักษณะนี้ซ้ำๆ หลายครั้งแล้ว ทั้งนำรูปภาพของเธอและลูกทั้งสองคน ไปตั้งเป็นรูปโปรไฟล์ รวมถึงใช้ในการพูดคุยกับผู้ชายหลายรายในลักษณะชู้สาว ก่อนจะวางอุบายยืมเงิน ขอเงิน และยังเคยส่งรูปหลานๆ ไปหลอกพระให้รับเป็นลูกบุญธรรม เพื่อขอเงินค่าเลี้ยงดู รวมถึงหลอกขอกีต้าร์โดยอ้างว่า หลานชายคนโตของเธออยากได้กีต้าร์มาเล่น

ฟางเส้นสุดท้ายของคุณเดียวคือเรื่องพระ เป็นช่วงที่เธอประสบอุบัติเหตุ ถูกรถชน ได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง ปรากฏว่าแม่เอารูปที่ตนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ส่งไปหลอกพระรูปนี้ โดยทราบภายหลังว่า แม่รู้จักกับพระรูปนี้ตั้งแต่ก่อนจะบวช บวชไปแล้วก็ยังคุยกันอยู่ แม่เอารูปของตนไปปลอมเป็นตน หลอกให้พระโอนเงินมาให้ตลอด ส่งขนมมาให้ลูก จ่าหน้าพัสดุถึง “คุณเดียว”

สิ่งที่ทำให้โป๊ะ คือตอนที่ตนไปเจอพัสดุ เป็นกีต้าร์ส่งมาที่บ้าน จ่าหน้าถึง “คุณเดียว” ส่งมาที่บ้าน แต่ชื่อผู้ส่งถูกฉีกออก คุณเดียวสงสัยมาก ก็เลยไปตามสืบจนเจอร้านขายกีต้าร์ เขาส่งแชตมาให้ดูว่า พระเป็นคนสั่ง ส่งมาให้บุตรบุญธรรม ซึ่งก็คือลูกชายคนโตของตนนั่นเอง

เรื่องที่ว่านี้ แม่หลอกลวงจนพระรูปนี้หลงรักหัวปักหัวปำ จนเข้าใจว่าคุยกับตนจริงๆ ถึงขนาดที่ว่าพระจะลาสิกขาเพื่อมาอยู่กับตน ทั้งที่ตนไม่รู้เรื่องเลย  ถึงขั้นคุยกันว่า พระจะขายที่ดิน แล้วมาซื้อที่อยู่ใกล้ๆ บ้านตนที่เพชรบูรณ์ บอกว่าจะมาเปิดร้านอาหาร เพราะเขาเป็นนักดนตรีเก่า ให้เราเป็นแม่ครัว ทำอาหาร แต่จริงๆคือ พระคุยกับแม่อย่างเดียว

แม้เวลาจะผ่านไปถึง 6 ปี เธอคิดว่าแม่จะเลิกพฤติกรรมดังกล่าวแล้ว แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะยังคงมีผู้เสียหายทยอยติดต่อมาหาเธออยู่เรื่อยๆ โดยมีหลักฐานการโอนเงินอย่างชัดเจน ซึ่งก่อนหน้านี้เธอเคยพูดคุยกับแม่อย่างตรงไปตรงมา ขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว แต่แม่ของเธอมักอ้างว่าที่ทำแบบนี้เพราะอยากให้เธอเจอผู้ชายดีๆ ที่สามารถดูแลเธอและครอบครัวได้

แต่คุณเดียวก็ได้โต้แย้งแม่ไปว่า ตั้งแต่มีลูกคนแรก เธอก็สามารถทำงานหาเงินเลี้ยงดูลูกทั้งสองคนได้ด้วยตัวเอง รวมถึงยังส่งเงินให้แม่ใช้อยู่ตลอด จึงไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องทำพฤติกรรมเช่นนี้อีก เธอมองว่าข้ออ้างที่แม่พูดออกมาหรือให้สัมภาษณ์กับสื่อบางช่องเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น และสิ่งที่เธอเริ่มกังวลมากขึ้นก็คือ กลัวว่าแม่ของเธอจะหลอกผู้ชายคนหนึ่งเอาเงินมา และเอาไปให้ผู้ชายอีกคนหรือไม่ เพราะเมื่อเธอเคยขอดูโทรศัพท์ของแม่ แม่ก็แสดงอาการไม่พอใจและไม่ยอมให้ดู

ขณะที่หลวงพี่ ที่ถูกแม่ของคุณเดียวหลอกลวง โฟนอินมาเล่าว่า ตอนแรกไม่รู้จริงๆว่าเป็นการสวมรอยแอบอ้าง มารู้ตอนที่คุณเดียวตัวจริงโทรมาบอก ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเกินเลย คิดแค่ว่าอยากช่วยเหลือเด็กกำพร้า(ลูกๆ ของคุณเดียว) เป็นการช่วยเหลือกันตามปกติ ตอนที่คุณแม่ของคุณเดียว หลอกให้โอนเงินค่ารักษา ก็โอนไปให้ ค้างค่างวดรถ ก็โอนให้ เด็กไม่มีเงินไปโรงเรียนก็โอนให้ เรียกได้ว่าหมดไปเยอะอยู่เหมือนกัน 

แต่เมื่อถามย้ำว่า เป็นมารผจญได้ไหม เป็นการทำให้หลวงพี่หวั่นไหว คิดออกนอกทางธรรมได้ไหม หลวงพี่ก็ยอมรับว่ามีบ้าง มีหวั่นไหวบ้าง เหมือนมารผจญจริงๆ แต่ก็คิดซะว่าเมตตาธรรมค้ำจุนโลก ถือว่าช่วยเหลือกันไป ตอนนี้ก็คิดว่าจะสึก แต่ทางญาติโยมก็ขอไว้

สุดท้ายคุณเดียวทิ้งท้ายว่า ตนขอแค่ดูเส้นทางการเงินของแม่ อยากรู้ว่าแม่ไปคุยกับใครบ้าง ถ้าครั้งนี้ ตนเงียบไปอีก แม่ก็จะไปทำแบบนี้อีก อีกอย่างคืออยากให้ที่บ้านเข้าใจว่า  ตนไม่ได้อยากออกมาสาวไส้ให้กากิน ที่บ้านบอกว่า ตนอยากเพิ่มเรตติงตัวเองเหรอ อยากดัง ซึ่งมันไม่จริงเลย 

“ถ้าวันหนึ่งเราเจอคนไม่ดี ที่อยู่ก็บอกเขาหมด โรงเรียนลูกก็บอกเขา ถ้าเราเจอคนไม่ดี ถ้าเขาโกรธที่เราไปหลอกเขา เขาจะตามมาทำร้าย หรือตามไปหาลูกที่โรงเรียน มันอันตรายค่ะ”