หญิงสาววัย 34 ปี ร้องขอความเป็นธรรมผ่านสื่อ หลังถูกนายตำรวจระดับผู้กำกับการ บุกเข้าห้องพักกลางดึก ทำร้ายร่างกายจนแก้วหูทะลุ เผยเคยคบหากันเกือบ 2 ปี ก่อนฝ่ายชายแต่งงานกับหญิงอื่น ตนจึงขอเลิก แต่กลับถูกตามราวีและข่มขู่
ผู้เสียหายเล่าว่า รู้จักกับตำรวจนายนี้เมื่อปี 2565 ขณะทำงานอยู่ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.หนองบัวลำภู ช่วงนั้นเธอเพิ่งเลิกรากับสามีเก่าที่ต้องคดีถูกจำคุก และถูกมิจฉาชีพหลอกลงทุนออนไลน์ สูญเงินไปกว่า 500,000 บาท วันหนึ่งขณะใช้แอป TikTok พบเห็นชายคนหนึ่งที่เป็นดาวไลฟ์สดบนแพลตฟอร์ม และแนะนำตัวว่าเป็น "ผู้กำกับ"
ขณะไลฟ์ เขาเล่าว่าถูกหลอกเงินไป 40,000 บาท ทำให้เธอแสดงความคิดเห็นว่า “หมอเสียไปหลักแสนเลยค่ะ” หลังจบไลฟ์ ตำรวจนายนี้ทักแชตมาหลังไมค์ ถามรายละเอียด และแนะนำให้แจ้งความที่ สภ.ศรีบุญเรือง โดยเจ้าตัวอำนวยความสะดวกให้เต็มที่ รวมถึงติดต่อพูดคุยผ่านไลน์และโทรศัพท์อยู่เสมอ จากเรื่องคดี กลายเป็นความสัมพันธ์เชิงชู้สาว โดยฝ่ายชายอ้างว่าโสด เคยมีครอบครัวแต่เลิกกันแล้ว และไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับใคร
หลังรู้จักกันประมาณ 5-6 เดือน เขาเปิดเผยตัวว่าต้องการคบหาจริงจัง เดินทางมาหาเป็นประจำ คอยรับ-ส่งแทบทุกวัน จนเธอหลงเชื่อ แม้จะมีช่องว่างอายุเกือบ 30 ปี ตำรวจนายนี้ยังใช้ TikTok ไลฟ์ให้ความรู้กฎหมาย และขายสบู่ที่เจ้าตัวเป็นเจ้าของ เขายังมอบแท็บเล็ตให้เธอเพื่อใช้ไลฟ์ขายสินค้า จึงมอบให้เพื่อนรุ่นน้องดูแลแทน
อย่างไรก็ตาม เมื่อคบกันได้ราว 1 ปี เริ่มมีผู้หญิงหลายคนทักมาบอกว่าเป็นภรรยาของเขา เธอจึงสอบถาม ซึ่งเขากลับบอกว่าเป็นแค่แฟนเก่า และรับปากว่าจะเคลียร์ แต่กลับยังมีผู้หญิงเข้ามาเรื่อย ๆ ต่อมาเธอได้เข้าดูโปรไฟล์ TikTok ของเขาโดยใช้บัญชีของเขาเอง พบว่ามีผู้หญิงกว่า 13 คนในอัลบั้มภาพที่ดูเหมือนยังมีความสัมพันธ์กันอยู่ รวมถึงเธอเองด้วย ทำให้เริ่มทะเลาะกันบ่อยขึ้น
ครั้งหนึ่ง ขณะมีปากเสียง เธอประชดว่า ถ้าเขามีคนอื่น เธอก็จะมีคนใหม่บ้าง ฝ่ายชายจึงพูดกึ่งล้อเล่นว่า “จะไปแต่งให้เลย แถมข้าวสาร 2 กระสอบ แล้วจะเซอร์ไพรส์เจ้าบ่าวด้วยคลิปลับ” โดยก่อนหน้านั้น เธอเคยจับได้ว่าเขาแอบถ่ายคลิปมีเพศสัมพันธ์กันไว้ในมือถือ เขาอ้างว่าแค่เก็บไว้ดูเฉย ๆ หลังจากขอร้องจึงได้คลิปกลับคืน และยังเก็บไว้มาจนทุกวันนี้
ต่อมาเธอถูกพาไปร่วมงานต่าง ๆ ใน จ.สกลนคร ทั้งงานราชพิธี งานเกษียณ และงานสำคัญ ๆ โดยฝ่ายชายแนะนำเธอว่าเป็นแฟนต่อหน้าผู้บังคับบัญชา เพื่อนตำรวจ และข้าราชการทั่วไป พร้อมบอกว่าจะเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่จะใช้ชีวิตด้วยกัน
แต่ความเชื่อมั่นพังทลาย เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2568 มีคนส่งภาพการ์ดแต่งงานของเขากับหญิงสาวอีกคน ที่จะจัดขึ้นในวันรุ่งขึ้น เธอเดินทางไปที่งานแต่งเพื่อพิสูจน์ และพบว่าเขาแต่งงานจริง ทำให้มีการโต้เถียงกันภายในงานอย่างวุ่นวาย รวมถึงภรรยาอีก 2-3 คนที่มาทราบเรื่อง จนต้องยุติพิธีแต่งงานกลางคัน
เธอตัดสินใจเลิกกับเขาอย่างเด็ดขาด แต่ไม่กล้าเผชิญหน้าตรง ๆ เพราะกลัวจะถูกนำคลิปมาประจาน และเกรงเรื่องอิทธิพล จึงพยายามหลบเลี่ยงตลอด ไม่รับสาย ไม่ตอบแชต หรืออ้างว่าติดธุระกับแม่หรือลูก
กระทั่งวันที่ 12 มีนาคม 2568 ขณะจัดงานวันเกิดกับเพื่อนที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ตำรวจนายนี้โผล่มาเซอร์ไพรส์ และขออยู่คุยกันเป็นการส่วนตัว ก่อนใช้กำลังขืนใจและถ่ายคลิปไว้อีกครั้ง หลังจากนั้นเธอพยายามหลบเลี่ยงเรื่อยมา
จนกระทั่งเกิดเหตุ ค่ำวันที่ 6 เมษายนที่ผ่านมา ขณะที่ผู้เสียหายพักอยู่ในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งใน อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู พร้อมแม่และลูกสองคน ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. มีเสียงเคาะประตูห้องอย่างรุนแรง และต่อเนื่องนานเกือบ 10 นาที พร้อมเสียงตะโกนเรียกชื่อเธอออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
เมื่อเปิดประตู พบว่าเป็นอดีตคนรู้ใจซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้กำกับ สภ.แห่งหนึ่งใน จ.สกลนคร ฝ่ายชายผลักประตูเข้าไปในห้องทันทีโดยไม่รออนุญาต และเริ่มตะโกนเสียงดัง พยายามถามหาแท็บเล็ตและโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย พร้อมกล่าวหาว่าเธอมีข้อมูลส่วนตัวของเขาและต้องการลบหลักฐาน
จากนั้นเขาโยนข้าวของภายในห้องกระจัดกระจาย ทั้งหมอน ผ้าห่ม และกระเป๋าเสื้อผ้า ก่อนเดินปรี่เข้ามาแย่งโทรศัพท์จากมือเธอไปสองเครื่อง รวมทั้งยึดแท็บเล็ตโดยอ้างว่าเป็นของเขา
ในจังหวะที่ผู้เสียหายพยายามทวงโทรศัพท์คืน พร้อมขอร้องให้หยุดพฤติกรรมรุนแรง ฝ่ายชายกลับผลักเธอล้มลงบนพื้น แล้วตบเข้าที่หูซ้ายอย่างแรงจนเธอรู้สึกเจ็บจี๊ดและมีอาการหูอื้อทันที
แม่ของผู้เสียหายที่อยู่ในเหตุการณ์พยายามเข้ามาห้าม แต่กลับถูกผลักออกไปด้วยเช่นกัน ก่อนที่เธอจะสามารถโทรแจ้งตำรวจ 191 ได้สำเร็จ ภายในเวลาไม่นาน เจ้าหน้าที่สายตรวจจาก สภ.นากลาง ก็มาถึงที่เกิดเหตุ และพยายามควบคุมสถานการณ์ โดยขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอีก 2 นายซึ่งเป็นเพื่อนร่วมงานของฝ่ายชายเดินทางมาด้วย พร้อมถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์ไว้ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่เชิญทั้งสองฝ่ายไปที่โรงพักเพื่อสอบสวน โดยฝ่ายหญิงแจ้งความว่าถูกบุกรุกและทำร้ายร่างกาย ขณะที่ฝ่ายชายก็แจ้งความกลับว่าเธอทำร้ายเขาเช่นกัน
ภายหลัง ผู้เสียหายเข้ารับการตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล และแพทย์วินิจฉัยว่าแก้วหูซ้ายทะลุ ต้องรอประเมินผลการรักษา และงดใช้หูฟังหรือทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง
เธอเปิดเผยว่า ตลอดเวลาหลังเหตุการณ์เกิดขึ้น เธอยังคงรู้สึกหวาดกลัวและไม่ปลอดภัย เนื่องจากยังมีบุคคลขับรถวนเวียนใกล้ที่พัก พร้อมแอบถ่ายภาพอยู่เป็นระยะ
เธอจึงตัดสินใจนำเรื่องราวไปร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม จ.หนองบัวลำภู และเผยแพร่ผ่านเพจชื่อดัง เพื่อขอความเป็นธรรม พร้อมยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แม้จะถูกกดดันให้ยอมความหลายครั้งจากบุคคลที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายชาย