สื่อโซเชียลได้มีการแชร์คลิปภาพเหตุการณ์ระทึก ขณะที่ อาจารย์แจ๊คพันศพ สัปเหร่อชื่อดังที่จังหวัดบุรีรัมย์ ทำพิธีเผาศพชายวัย 54 ปี ซึ่งป่วยด้วยโรคมะเร็ง และติดโควิด-19 สร้างความแตกตื่นตกใจให้กับญาติ และชาวบ้านที่มาร่วมเผาศพ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 15.00 น. วันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมา ที่เมรุเผาศพ ภายในวัดแห่งหนึ่งใน ต.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์
โดยในคลิป อาจารย์แจ๊คพันศพได้ทำการวางดอกไม้จันทน์ลงในโลงศพ ซึ่งอยู่บนเตาเผาศพในเมรุ จากนั้นเปลวไฟก็พุ่งใส่อาจารย์แจ๊คพันศพอย่างแรงจนได้รับบาดเจ็บ ถูกไฟลวกทั้งที่ใบหน้า ศีรษะ ใบหู และแขน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล
ล่าสุด วันนี้ (4 พ.ค.68) ผู้สื่อข่าวได้วิดีโอคอลไปสอบถาม อาจารย์แจ๊คพันศพเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อาจารย์แจ๊คพันศพเล่าให้ฟังว่า ตนได้รับแจ้งจากทางครอบครัวของผู้เสียชีวิตว่า ไม่มีเงินทำพิธีฌาปนกิจศพ เนื่องจากฐานะยากจน ตนจึงรับปากว่าจะช่วยดำเนินการทำพิธีเผาศพให้ จากนั้นช่วงบ่ายวานนี้ ( 3 พ.ค.68) พอศพมาถึงที่วัด ตนและทีมงาน ก็ได้ไปทำพิธีให้ โดยมีแค่พระสวดตามประเพณี ก่อนจะนำร่างเข้าเตาเผาเพื่อฌาปนกิจ
หลังจากพระสวดและทำพิธีต่างๆเสร็จเรียบร้อยแล้ว ตนก็ขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์ในโลงของคนผู้เสียชีวิตตามปกติ แต่พอวางดอกไม้จันทน์เพื่อเผาศพก็เกิดเปลวไฟลุกพรึบพุ่งเข้าใส่ตนทันที จนถูกไฟลวกตามหน้าและร่างกายได้รับบาดเจ็บ ตามที่ปรากฏในคลิป ซึ่งคลิปจะได้ยินเสียงที่ตนถามว่า ใครเอาน้ำมันเบนซินใส่ เพราะตอนที่นำโลงเข้าเตาตนไม่ได้ไปดูเป็นทีมงานและญาติที่จัดการ แต่พอเกิดเหตุการณ์ไฟพุ่งเข้าใส่จนบาดเจ็บ ก็ให้ทีมงานไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ก็ไม่ใช่น้ำมันเบนซิน เป็นน้ำมันโซล่า หรือดีเซล ที่ใช้ในการเผาศพปกติทั่วไป จึงแปลกใจว่าเกิดไฟลุกพรึบแบบนั้นได้ยังไงก็ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่หลังจากนี้ก็จะระมัดระวังให้มากขึ้น
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังวัดที่เกิดเหตุ พร้อมสอบถาม เจ้าอาวาสวัด เล่าว่า หลังทำพิธีสวดเสร็จ หลวงพ่อก็ได้ขึ้นไปวางดอกไม้จันทน์บนเมรุ ก็รู้สึกได้กลิ่นของแอลกอฮอล์และฟอร์มาลีนฉีดดับกลิ่นศพแรงมากๆ จนฉุนขึ้นจมูก ก็คิดว่าศพผู้เสียชีวิตน่าจะใส่แอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อและฟอร์มาลีนดับกลิ่นเยอะ ซึ่งตามปกติก็มีการเปิดโลงเพื่อให้กลิ่นแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อระเหยก่อน แล้วค่อยทำการเผา แต่เคสนี้อาจจะไม่ได้เปิดโลงระบายแต่เผาเลยก็เลยอาจจะทำให้เปลวไฟพุ่งออกมาแบบนี้ก็เป็นอันตรายได้
ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นอุบัติเหตุหรือความไม่รอบคอบของผู้เผาศพด้วย แต่ไม่ได้เป็นอาถรรพ์หรือสิ่งลี้ลับอะไร ก็อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับสัปเหร่อ หรือผู้ที่ทำหน้านี้เกี่ยวกับการเผาศพ ก็ต้องรอบคอบและระมัดระวังมากขึ้น
ขณะที่ชาย อายุ 77 ปี ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุตนอยู่ด้านล่างเมรุ แต่ก็เห็นเปลวไฟลุกใส่อาจารย์แจ๊คพันศพ ตอนแรกก็คิดว่ามีการใช้น้ำมันผิดเป็นเบนซินหรือไม่ แต่พอตรวจสอบแล้วเป็นโซล่า จึงเชื่อว่าไม่ได้เกิดจากน้ำมัน แต่สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากศพถูกฉีดแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อปริมาณมากและไม่ได้เปิดโลงให้ระบายออก จึงอาจทำให้เกิดเปลวไฟลุกแรงอย่างที่เห็น คงไม่ใช่อาถรรพ์อะไร