หนุ่มอาข่า รับหมาจากเจ้าของเก่าบอกจะเอามาดูแล ก่อนเอาน้องไปทำอาหาร ทำมาหลายครั้งแล้ว อ้างหมาดุกลัวไปกัดเด็ก คิดว่าเขาให้มาแล้วจะทำอะไรต่อก็ได้

วันที่ 15 พ.ย. 67 จากกรณีมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ ได้เรียกร้องให้ตำรวจ สภ.แม่จัน จ.เชียงราย ติดตามจับกุมบุคคลที่มีพฤติกรรมตระเวณขอรับหมาไปเลี้ยง แล้วอ้างว่าหมาหลุดหาย แต่ความจริงคือ นำหมาไปประกอบอาหาร ต่อมาเจ้าของหมาที่ให้ไปได้พยายามทวงคืนแต่ว่าไม่เป็นผล ไม่มีการคืนหมา อ้างว่ายกให้คนอื่นต่อ ทำให้เจ้าของหมาอย่างน้อย 2 คน เข้าไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.แม่จัน

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (15 พ.ย. 67) พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผกก.สภ.แม่จัน จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวนไปจับกุมตัว ผู้ต้องหา อายุ 31 ปี ที่ ชาว ต.แม่คำ อ.แม่จัน จ.เชียงราย จากนั้นควบคุมตัวส่งให้ ร.ต.อ.สราวุธ อินตาพรม พนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีในข้อหา "กระทำการอันเป็นการทารุณกรรมสัตว์โดยไม่มีเหตุอันสมควร"

หลังถูกจับกุม ผู้ต้องหา เล่าว่า ตอนแรกตั้งใจจะเอามาเลี้ยง แต่ที่บ้านมีเด็ก หมาค่อนข้างดุ เด็กชอบไปเล่นด้วย กลัวเกิดอันตราย ที่ทำไปเพราะว่าเขาให้หมามาแล้ว ถือว่าเป็นสิทธิ์ของเรา ส่วนเหตุผลที่ต้องฆ่า เพราะน้องหมาดุ ประกอบกับตนไม่ค่อยมีเวลากลับบ้าน ปกติชอบเลี้ยงหมาอยู่แล้ว ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่อย่างนี้ กลัวหมากัดเด็กไม่ทันคิดเลยฆ่าหมาแก้ปัญหา ที่โพสต์ในเฟซบุ๊กก็ไม่ได้คิดอะไร ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้รู้ก็ตกใจ

ผู้ต้องหาเผยอีกว่า เคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกันนี้ คือการไปรับหมาที่เจ้าของต้องการหาเจ้าของใหม่ตามเฟสบุ๊ก โดยครั้งแรกเป็นหมาในพื้นที่ จ.พะเยา และล่าสุดที่ไปรับก็คือที่ ต.ป่าซาง อ.แม่จัน ตามที่ปรากฏเป็นข่าว รวมแล้วได้รับหมามาดูแลและเอาไปฆ่าทำอาหารทั้งหมด 3 ตัว โดยไม่ทราบว่ามีโทษรุนแรง และคิดว่ารับสัตว์มาแล้วก็น่าจะเป็นกรรมสิทธิ์โดยชอบธรรมของตนเอง ไม่คิดว่าเจ้าของเก่าจะติดตามหมาคืน ตอนนี้รู้สึกผิดกับสิ่งทั่ได้ทำลงไป และอยากจะขอโทษสังคม

ทางด้าน พ.ต.อ.เกียรติศักดิ์ จิตรประสาร ผกก.สภ.แม่จัน เปิดเผยว่า คดีนี้ทางมูลนิธิวอชด็อกฯ ได้ประสานมาทางโทรศัพท์เข้ามา ว่ามีผู้เสียหายที่ไม่สามารถดูแลต่อจึงได้หาผู้เลี้ยงดูต่อ แล้วผู้ต้องหาได้อาสาจะรับไปเลี้ยงดูต่อ ผู้เสียหายพบพิรุธหลังจากขอดูสภาพสุนัขที่รับไปว่ามีความเป็นอยู่ยังไงแต่ถูกบ่ายเบี่ยงไม่ให้ดู รวมทั้งในพื้นที่มีผู้ให้ข้อมูลว่าผู้ต้องหามีพฤติการรับประทานเนื้อสุนัข ทางด้าน รอง ผกก.สืบสวน จึงจัดกำลังเข้าไปสอบถาม ซึ่งผู้ต้องหาสารภาพว่าได้นำสุนัขไปประกอบอาหารรับประทานจริง ส่วนสาเหตุที่ทำเขาอ้างว่า ที่บ้านมีเด็กเล็กเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับเด็ก จากนี้ตำรวจจะควบคุมตัวไปส่งฟ้องศาลแขวง ในข้อหาทารุณกรรมสัตว์ ซึ่งข้อหานี้มีโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ