ผู้สื่อข่าวได้รับทราบเรื่องราวจากครูสาวรายหนึ่ง หลังถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้งข้อหาว่าตนพัวพันคดียา 2 แสนเม็ด โดยข้าราชการครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดอุทัยธานี เล่าว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อ 7 ส.ค.มีสายโทรเข้ามาจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายประสานงานกฎหมายของค่ายโทรศัพท์หนึ่ง แจ้งว่ามีการแอบอ้างชื่อไปเปิดเบอร์โทรศัพท์ที่ห้างฯ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.จึงแนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมทำหนังสือแจ้งความบริสุทธิ์ จากนั้นมีตำรวจโทรมาแจ้งว่ามีคดีพัวพันยาเสพติดมูลค่า 8.5 ล้านบาท เป็นยาเสพติด จำนวน 200,000 เม็ด
ตอนนั้นตนเองได้มีการปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ยืนยันว่าไม่ได้ไปจังหวัดนครสวรรค์ในวันเวลาดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขอไลน์และวิดีโอคอลเพื่อยืนยันตัวตน จากนั้นได้ส่งข้อมูลทะเบียนราษฎร์และเล่มบัญชีม้ามาให้ จากนั้นได้มีการแสดงเอกสารเพิ่มเติม อย่างบัญชีของกลางคดีอาญา คำสั่งศาล และอ้างว่าอยู่หน้า สภ.นครสวรรค์ ซึ่งตอนที่วิดีโอคอลคุยกันนั้น ก็เป็นภาพวิดีโอที่อยู่หน้า สภ.เมืองนครสวรรค์จริงๆ มีการเดินเข้าไปเคาะประตู มีการวอวิทยุพูดคุยกันเป็นระบบขั้นตอนเหมือนกับเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริงๆ
ซึ่งหลังจากที่มิจฉาชีพได้ส่งไม้ต่อให้กับมิจฉาชีพที่อ้างตัวว่าเป็นผู้กำกับ ก็ได้บอกตนเองว่า ตอนนี้ตนเองตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฟอกเงินและคดียาเสพติด โดยหมายศาลจะมาถึงบ้านในอีกไม่กี่วันนี้ ต้องส่งข้อมูลเลขบัญชีและหลักทรัพย์ทั้งหมดให้กับตำรวจเพื่อใช้ในการประกันตัว ตอนนั้นก็รู้สึกตกใจมากและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ตำรวจบอกว่าต้องมีหลักทรัพย์ 100,000 บาทเพื่อประกันตัว ซึ่งตนเองก็ได้บอกไปว่า ไม่มีเงินมากขนาดนั้น
หลังจากนั้นก็บอกว่าต้องมีเงินในบัญชีอย่างน้อย 10,000 บาทเพื่อแสดงว่าไม่ได้ฟอกเงิน ก่อนสอบถามถึงทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ทองรูปพรรณและโฉนดที่ดิน หากมีจะถูกยึดเป็นของกลางทั้งหมด ขณะที่คุยกันนั้น ทางมิจฉาชีพจะไม่วางสายและย้ำว่าไม่ให้บอกใคร เพราะเป็นคดีใหญ่ที่สุดในนครสวรรค์ ยังจับตัวคนร้ายไม่ได้ และยังมีคนร้ายหลบหนีมาในจังหวัดอุทัยธานี ด้วยความตกใจกลัว จึงไปขอยืมเงินเพื่อนครูด้วยกันมา 10,000 บาท แล้วโอนเงินตามที่คนร้ายบอกไป ซึ่งตอนนั้นทั้งบัญชีตนเองมีเพียงแค่ 7 บาทเท่านั้น
หลังจากโอนเงินไปให้แล้ว ทางมิจฉาชีพก็ได้บอกว่า หลักทรัพย์ไม่เพียงพอ ทาง สภ.จึงต้องไปตรวจรอยสักที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ หากไม่มีรอยสักตามที่กล่าวอ้าง ทางสภ.จะคืนเงินทั้งหมดพร้อมหนังสือแสดงความบริสุทธิ์ให้ และส่งไปให้ทางค่ายโทรศัพท์ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาตามมา ซึ่งตอนนั้นตนเองก็ได้เพื่อนครูที่มาเจอกันพูดเตือนจนได้สติ โดยพอหลังจากตั้งสติแล้ว จึงโทรหาตำรวจที่รู้จักเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเอกสารที่ได้รับมา ทางตำรวจแจ้งว่าไม่มีเอกสารลักษณะดังกล่าวและให้รีบไปที่สถานีตำรวจใกล้ที่สุด เพื่อแจ้งความอายัดบัญชีธนาคาร จากนั้นมิจฉาชีพได้ยกเลิกข้อความเอกสารที่ส่งมาทั้งหมด จึงทำให้มั่นใจว่า ถูกหลอกแล้ว
จากนั้นจึงได้เดินทางไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ซึ่งทางผู้กำกับได้แจ้งว่าขณะนี้มีผู้เสียหายหลายราย ที่ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นตำรวจเช่นเดียวกัน โดยส่วนใหญ่เป็นชาวจังหวัดนครสวรรค์ หลังจากกลับมาจากสถานีตำรวจ จึงได้ตัดสินใจนำหลักฐานทั้งหมดมาโพสต์ลงในโซเชียล เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับผู้อื่น เนื่องจากไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นได้แล้ว ก็หวังว่าจะไม่มีใครตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพเหล่านี้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวจังหวัดอุทัยธานีและผู้ที่ทำงานอย่างสุจริตทุกคน