เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมเพจโหนกระแสได้กราบนมัสการ ขอสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับพระปัญญาวชิรโมลี เจ้าอาวาสวัดป่าศรีแสงธรรม อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี ในฐานะเลขานุการมูลนิธิหลวงปู่ศรี มหาวีโร กรณีที่มีเงินของมูลนิธิซึ่งฝากไว้กับธนาคารแห่งหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด หายไปกว่า 1,300 ล้านบาท
พระปัญญาวชิรโมลี เปิดเผยว่า เงินจำนวนนี้เป็นเงินของมูลนิธิหลวงปู่ศรี มหาวีโร ที่สะสมและฝากธนาคารไว้ตั้งแต่ปี 2557 เป็นเงินต้น 803 ล้านบาท เมื่อรวมดอกเบี้ยตามเวลาที่ผ่านมา รวมเป็นประมาณ 1,354 ล้านบาท ซึ่งเงินก้อนนี้เป็นสมบัติของมูลนิธิที่นำไปใช้ในกิจกรรมทางศาสนา สาธารณกุศล และดูแลวัดสาขาต่าง ๆ กว่า 150 แห่ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตรวจสอบบัญชี พบว่าเงินจำนวนดังกล่าวหายไปทั้งหมด โดยทางธนาคารชี้แจงว่าได้นำไปซื้อประกันการลงทุนและหน่วยลงทุนบางส่วน แต่ทางมูลนิธิยืนยันว่าไม่เคยรับทราบหรือมีมติจากกรรมการมูลนิธิให้ดำเนินการเช่นนั้น
“อาตมาในฐานะเลขานุการมูลนิธิ ต้องดูแลทรัพย์สินของมูลนิธิหลวงปู่ศรีให้รอบคอบ เงินจำนวนนี้ไม่ใช่ของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่เป็นสมบัติของสงฆ์ ที่ลูกหลานศิษยานุศิษย์ร่วมกันสะสมมา ด้วยศรัทธาในหลวงปู่ศรี ซึ่งท่านมีดำริให้นำดอกผลไปใช้ดูแลวัดสาขา สร้างสาธารณูปการ โรงพยาบาล และเผยแผ่พระพุทธศาสนา” พระปัญญาวชิรโมลีกล่าว
พระปัญญาวชิรโมลี ย้ำว่า ขณะนี้ทางมูลนิธิได้ตั้งทีมกฎหมายเข้ามาดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้ยื่นฟ้องร้องต่อศาลจังหวัดร้อยเอ็ดแล้วตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยเป็นการฟ้องคดีแพ่ง เพื่อเรียกเงินคืนจากธนาคาร ไม่ใช่คดีอาญาหรือคดีอื่นตามที่บางฝ่ายอาจเข้าใจคลาดเคลื่อน
“ที่ผ่านมา อาตมาใช้เวลาเกือบ 10 เดือน ในการรวบรวมข้อมูล และดำเนินการทุกอย่างตามขั้นตอนทางกฎหมายอย่างรอบคอบ ขอให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันว่านี่คือคดีแพ่ง เรียกเงินคืน ไม่ใช่การกล่าวหาในประเด็นอื่นใด และไม่ต้องการให้สังคมเข้าใจผิดหรือบิดเบือนเจตนา” พระปัญญาวชิรโมลีกล่าวย้ำ
ทั้งนี้ พระปัญญาวชิรโมลี ยังกล่าวถึงกรณีที่บางฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์หรือให้ข้อมูลคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับเงินจำนวนนี้ ว่า เงินทั้งหมดเป็นของมูลนิธิที่ดำเนินกิจกรรมสาธารณประโยชน์มาโดยตลอด ไม่ใช่เงินส่วนตัวของพระหรือของวัดเพียงแห่งเดียว และมูลนิธิหลวงปู่ศรีก็เป็นที่รู้จักและได้รับความศรัทธาจากประชาชนมาอย่างยาวนาน
“หากไม่เข้าใจข้อเท็จจริงดีพอ อยากให้ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจนก่อนวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับศรัทธาของผู้คน และสมบัติของส่วนรวมที่ใช้เพื่อประโยชน์สาธารณะโดยแท้” พระปัญญาวชิรโมลีกล่าวทิ้งท้าย