วันที่ 21 พฤษภาคม 2568 รายการ โหนกระแส ได้เชิญสองแม่ลูกที่กำลังมีประเด็นร้อนในโลกออนไลน์เข้าร่วมรายการ เพื่อเปิดใจเล่าถึงเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทภายในบ้านพักในพื้นที่ตำบลหนองปลิง อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งลูกสาววัย 28 ปี อ้างว่าถูกพระสงฆ์และกลุ่มชายหญิงอีก 4 คนจากสำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง รุมทำร้ายร่างกายเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ฝ่ายลูกสาวคือ คุณกระปุก เปิดเผยว่า ต้นเหตุของความขัดแย้งเริ่มจากที่แม่ของตน ชื่อ แม่แตง ย้ายไปอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งหนึ่ง หลังจากธุรกิจครอบครัวมีปัญหา แม่เริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ไล่พ่อเลี้ยงออกจากบ้าน และพยายามขายทรัพย์สินของครอบครัว เมื่อเธอเริ่มตั้งคำถามเกี่ยวกับหนี้สินที่แม่อ้างว่ามีมากถึง 1.5 ล้านบาท กลับไม่ได้รับคำตอบชัดเจน กลับถูกคนจากสำนักสงฆ์เข้ามาก้าวก่ายในเรื่องครอบครัว
เหตุการณ์บานปลายเมื่อฝ่ายแม่พาคนจากวัดเข้ามาในบ้าน พร้อมให้พ่อเลี้ยงเซ็นเอกสารรับสภาพหนี้ กระปุกพยายามห้ามและถามไถ่จนเกิดการโต้เถียง ก่อนจะมีชายคนหนึ่งเข้ามาทำร้ายร่างกายเธอ ด้วยการต่อยที่ใบหน้า เธอจึงป้องกันตัวโดยผลักกลับ จนพระสงฆ์ที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่พอใจ และพยายามหยิบด้ามไม้จะเข้ามาทำร้ายพ่อเลี้ยง แต่มีคนห้ามไว้ทัน
เธอยังเล่าว่า แม่ไล่เธอออกจากบ้านและยึดรถที่ขับมา ทำให้เธอพร้อมหลานวัย 4 ขวบ และสุนัขอีก 1 ตัว ต้องไปรอเพื่อนริมถนน กระทั่งมีหญิงคนหนึ่งและพระสงฆ์เดินเข้ามาหา โดยหญิงคนดังกล่าวได้ถามเรื่องที่เธอไปทำร้ายคนแก่ เมื่อเธอตอบกลับว่าโดนทำร้ายก่อน หญิงคนดังกล่าวได้กระชากหัวและตบหน้ารัวกว่า 10 ครั้ง ทั้งที่เธอนั่งอุ้มเด็กและสุนัขอยู่ โดยไม่สามารถตอบโต้ได้
คุณกระปุกถึงกับปล่อยโฮในรายการ เพราะตั้งแต่เด็ก เธอไม่เคยถูกแม่ตีเลย แต่แม่กลับเชื่อพระจนมาตีลูกตัวเอง แล้วปล่อยให้คนอื่นมาตีลูกตัวเองต่อหน้า แม่เชื่อคนอื่นมากกว่าลูกตัวเอง สิ่งที่เธอเสียใจคือเรื่องนี้ แล้วยังมีคนของพระที่มากับแม่ในวันนั้น มาชี้หน้าด่าตนว่า “อีสัxนรก” เรื่องนี้ทำให้ตนรับไม่ได้ การที่แม่เชื่อคนอื่นจนตี ทำร้ายตน ตนก็ท้าแม่เลยว่า ให้ตีเลย อยากจะรู้ว่าจะตีถึงขั้นไหน จะตีจนตายเลยไหม
แม่แตง แม่ของกระปุก ซึ่งมาร่วมรายการด้วย ยืนยันว่าลูกสาวเป็นฝ่ายก้าวร้าว ใช้ถ้อยคำหยาบคาย และพูดจาดูหมิ่นพระสงฆ์ก่อน จึงทำให้ผู้คนในเหตุการณ์ไม่พอใจ ยืนยันว่าการที่พระและกลุ่มคนจากสำนักสงฆ์เข้ามาเกี่ยวข้องนั้น เพราะต้องการไกล่เกลี่ยปัญหา ไม่ได้มีเจตนาร้าย
แม่ของกระปุกบอกว่า แยกกันอยู่ เลิกรากับ “ลุงหนึ่ง” หรือสามีใหม่ไปหลายปีแล้ว เราเครียดเพราะเขาสร้างปัญหา สร้างหนี้สินให้ จนเราเครียดต้องไปอยู่วัด หนี้สินที่ว่า แม่ไปกู้เงินมาล้านกว่าบาท เพื่อเอามาลงทุนทำกิจการโรงงานด้วยกัน แต่ที่บังคับให้เขาเซ็นรับสภาพหนี้ 1.5 ล้าน ก็เพราะว่าแม่ไม่มีรายได้ แต่ตาหนึ่งยังมีงานอยู่ เขาก็ต้องเซ็นตรงนี้ แล้วตัวแม่มีที่ดินแยู่ ถ้าขายที่ได้ ก็จะเอาเงินมาจ่ายหนี้แทน ซึ่งทางลุงหนึ่งอาจจะไม่ต้องออกเงินสักบาทก็ได้
ยืนยันว่าหนี้ก้อนใหญ่ แม่เป็นคนไปกู้ แต่เอาเงินมาลงทุนร่วมกัน ตอนใช้หนี้ก็ต้องใช้ร่วมกัน แต่ตอนนี้แม่ไม่มีเงิน ลุงหนึ่งต้องเซ็นรับสภาพหนี้ทั้งหมดไปก่อน
แต่มีการโฟนอินสอบถามพ่อเลี้ยง ก็คือ “ลุงหนึ่ง” ซึ่งบอกว่า ตนไม่เซ็นแน่นอน เพราะทุกวันนี้ ที่ดินที่ทำโรงงาน เป็นที่ดินชื่อของเมียเรา แต่เขาบังคับให้เราจ่ายค่าเช่าที่ดินเดือนละ 2 หมื่น แล้วจะมาให้เราเซ็นรับสภาพหนี้ ก็ต้องถามว่า ใครจะเซ็น
ขณะที่พระหยก โฟนอินเข้ามาเล่าว่า ตนไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เขาทะเลาะกันเลย แต่โยมพ่อของอาตมาที่ไปด้วยกันในวันนั้น ถูกกระปุกมาทำร้าย มากระทืบ เอาเท้าเหยียบโยมพ่อของอาตมา มาตะโกนด่าหยาบคายหนักมากใส่หน้าโยมพ่อของอาตมา ที่เขาอ้างว่า ถูกฝ่ายของพระไปทำร้าย ไปต่อย ไปตี เขาจริง ตัวเขาต้องมีร่องรอยฟกช้ำบ้าง สิ่งที่พระเห็นคือ กระปุกผลักโยมพ่อจนล้ม แล้วกระทืบซ้ำ ส่วนที่อ้างว่าฝ่ายพระใช้อาวุธ ใช้มีด ใช้ด้ามเสียม ก็ไม่มีเลย ไม่จริง พระบอกว่า พระตกใจที่เห็นน้องถ่ายคลิป ถ่ายวิดีโอใส่หน้าเรา ถึงต้องเข้าไปยื้อแย่งมือถือ เพราะว่าตกใจ
สุดท้ายทุกฝ่ายไม่สามารถหาข้อสรุปได้ และทางฝ่ายแม่แตงกับแม่ธรรม แม่บุญธรรมของพระหยก ก็บอกว่า ฝ่ายกระปุกทำให้สำนักสงฆ์เสียหาย แล้วการที่กระปุกบุกไปที่บ้าน แล้วเกิดปัญหา เกิดการลงไม้ลงมือขึ้น ทำให้แม่แตงไปแจ้งความจับลูกตัวเองฐานบุกรุก สุดท้ายจึงต้องให้ทุกคนแยกย้ายกันไปแจ้งความ ใครบอกว่าใครด่าใคร ใครทำร้ายใคร ก็ไปแจ้งความเอาผิดกัน แต่ถ้าไม่จริงก็จะโดนดำเนินคดีฐานแจ้งความเท็จ