จากเหตุการณ์ที่คุณครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 2 ได้ไปแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ ด.ญ. วัย 12 ปี ถูกกลุ่มทรชนสิบกว่าคนล่วงละเมิดว่า “น้องยอมไปกับเขาหรือเปล่า 5555” ตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น

ล่าสุด ดร.สุธิภรณ์ ขนอม ผอ.สพป.นราธิวาส เขต 2 กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพิ่งทราบข่าวเมื่อคืนว่ามีคุณครูในสังกัดได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นในกรณีดังกล่าว โดยใช้ข้อความที่ไม่เหมาะสมจนกระทบต่อจิตใจและความรู้สึกของครอบครัวผู้ถูกกระทำ รวมทั้งสังคม
ทั้งนี้ ทันทีที่ทราบข่าว สพป.นราธิวาสเขต 2 ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าเป็นคุณครูในสังกัด สพป.นราธิวาส เขต 2 ในฐานะผู้บังคับบัญชาและในนามเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาสเขต 2 ต้องขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอโทษต่อครอบครัวผู้ถูกกระทำ และสังคม
หลังจากตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นตั้งแต่คืนวันที่ 5 ส.ค.67 จนเช้าวันนี้ (6ส.ค.67) ได้ลงพื้นที่ไปพร้อมกับนิติกรของ สพป.นราธิวาส เขต 2 เพื่อไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และได้มอบหมายให้ทางกลุ่มกฎหมายตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ดำเนินการพิจารณาความผิดตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
จากการลงพื้นที่ได้พูดคุยกับคุณครูคนดังกล่าว ทราบว่าหลังจากที่ได้เข้าไปแสดงความคิดเห็น ครูเองก็ได้กลับมาทบทวนกับสิ่งที่ครูได้กระทำ และรู้สึกว่าสิ่งที่ได้ทำลงไปนั้นเป็นความผิดพลาดอย่างมาก คุณครูรู้สึกเสียใจและอยากขอโทษครอบครัวของผู้ถูกกระทำ จึงได้พยายามหาช่องทางในการติดต่อกับครอบครัวผู้ถูกกระทำ ซึ่งช่องทางเดียวที่คุณครูสามารถติดต่อได้ในช่วงนั้นคือเฟซบุ๊ก และได้ประสานเพื่อหาคนกลางในการขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อที่จะติดต่อ แต่ในขณะนี้คุณครูยังไม่สามารถติดต่อกับครอบครัวผู้ถูกกระทำได้

ในส่วนของครูเองรู้สึกเสียใจกับเหตการณ์ที่เกิดขึ้น และนอนไม่หลับมาหลายคืน รู้สึกว่าสิ่งที่ตนได้ทำลงไปนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และเป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ ตัวเองก็ได้รับบทเรียนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ และอยากจะออกมาขอโทษกับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกท่านจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ผอ.สพป.นราธิวาสเขต2 ได้ย้ำว่า ที่ผ่านมาได้กำชับกับผู้บริหารสถานศึกษา คุณครู และบุคลากรทางการศึกษามาตลอด ในเรื่องของการใช้สื่อโซเชียล ในการแสดงความคิดเห็น หรือการสื่อสารกับโลกภายนอก ว่าเป็นสื่อที่จะต้องใช้ความระมัดระวัง ซึ่งก็ได้คุยกันตลอดว่าแม้จะเป็นในเฟซบุ๊กส่วนตัว แต่ก็เป็นพื้นที่สาธารณะ ดังนั้นจะต้องคิด วิเคราะห์ และต้องตรวจสอบข้อมูลที่จะเผยแพร่ออกไป
ส่วนในเรื่องนี้ ยืนยันจะดำเนินการตามกระบวนการทางวินัยอย่างจริงจัง เพื่อให้เป็นกรณีศึกษาของครูและบุคลากรทางศึกษา ไม่ให้มีการกระทำผิดซ้ำอีก
ที่มา : มติชน