รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกันต่อ กรณี เม พรีมายา ที่ได้เปิดใจในรายการโหนกระแสเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ที่ผ่านมา ถึงปัญหาการทำธุรกิจคลินิกเสริมความงามที่อ้างว่าถูกหุ้นส่วนฮุบกิจการไป โดยเล่าว่าได้ร่วมลงทุนกับเพื่อนสนิทและทีมแพทย์ แต่ต่อมาเมื่อเกิดปัญหากฎหมายกับตนเอง กลับถูกบีบให้โอนหุ้นและถอดชื่อออกจากธุรกิจ ก่อนจะถูกกีดกันออกจากกิจการในภายหลัง
หลังจากรายการออกอากาศไป ทาง Dermatige Aesthetics คลินิกคู่กรณี ได้ออกแถลงการณ์ฉบับแรกเพื่อตอบโต้และปฏิเสธข้อกล่าวหาทันที ล่าสุด วันที่ 3 ตุลาคม 2568 ทาง Dermatige Aesthetics ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงฉบับที่ 2 เพื่ออธิบายเพิ่มเติมถึงเหตุการณ์ที่ไม่ได้ไปร่วมชี้แจงในรายการโหนกระแส และยืนยันความพร้อมที่จะแสดงหลักฐานทั้งหมด พร้อมทั้งปฏิเสธข้อมูลที่บิดเบือนและยืนยันความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ
ล่าสุด วันนี้ รายการโหนกระแสได้ ญาญ่า เขมณัฏฐ์ ชุลีเกียรติ 1 ใน 4 หุ้นส่วนคลินิก มาพร้อมกับทนายความ เพื่อมาชี้แจงในฝั่งของตนเองบ้างว่า ปมปัญหาทั้งหมด แท้จริงเป็นอย่างไร
ญาญ่า เขมณัฏฐ์ ย้อนเล่าเหตุการณ์เมื่อครั้งที่ เม พรีมายา รู้จักกันและมาร่วมกันทำคลินิกด้วยกัน โดยที่ ญาญ่าเป็นคนกลางที่ดึงทุกคนให้มารู้จักกัน ด้วยความที่เมเป็นลูกค้าเสื้อผ้าของตน และญาญ่าก็เป็นคนไข้ทำหน้ากับหมอกลางและหมอต่อ จึงมาชวนกันทำแบรนด์คลินิก “พริมย่า คลินิก” ภายใต้การบริหารงานของบริษัท พริมย่า
มีข่าวเสียหายเมื่อปี 2566 ทั้งคดี พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ในกรณีแบรนด์ “พรีมายา” รวมทั้งถูกจับกุมฐาน ใส่สารอันตรายลงในผลิตภัณฑ์ ซึ่งการมีข่าวลักษณะนี้ มันส่งผลกระทบต่อแบรนด์มากๆ ราคาหุ้นร่วงมากๆ
ญาญ่า ยืนยันว่า เม พรีมายา เป็นคนมาเสนอขายหุ้นของตัวเอง ด้วยความเห็นใจผู้ร่วมหุ้นคนอื่นๆ ไม่อยากให้ข่าวมากระทบกับคลินิก โดยเป็นการ “ขายขาด” ไม่ใช่การขายฝากหุ้นเอาไว้ โดยขายให้ผู้ถือหุ้นอีก 3 คน คนละ 108,000 บาท รวมผู้ถือหุ้น 3 คนที่รับซื้อไป เม ได้เงินไป 324,000 บาท
คำถามคือ ในเมื่อบริษัทมีรายได้ มีกำไรมากเป็นสิบๆล้าน เขาจะมาขายหุ้นในราคาหลักแสนทำไม ทำให้ทางญาญ่า และ ทนายความ นำตัวเลขบัญชี ณ ปีที่เกิดเหตุมากางให้ดู ว่า ณ เวลานั้นไม่ได้มีกำไรเยอะมากเลย กำไรแค่ประมาณ 4-5 ล้านบาทเท่านั้น
หลังจากซื้อหุ้นจากเมมาแล้ว เหลือผู้ถือหุ้น 3 คน คือ ญาญ่า หมอกลาง และ หมอต่อ ก็เอาบริษัท พริมย่า มาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท DMT และโละแบรนด์เก่าทิ้้งไปทั้งหมด จากนั้น ญาญ่า หมอกลาง และ หมอต่อ ก็ช่วยกันสร้างแบรนด์ Dermatige โดยที่แบรนด์นี้ไม่ได้อยู่ใต้บริษัทไหน แต่มีหนังสือยินยอมให้บริษัท DMT มีสิทธิ์ในการใช้ชื่อแบรนด์นี้ได้
การจะอธิบายให้เข้าใจ ต้องแยกออกเป็นส่วนๆ ก่อนว่า Dermatige คือแบรนด์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ผู้ก่อตั้งมีเพียง 3 คน คือ ญาญ่า หมอกลาง และ หมอต่อ และหากจะมีคลินิกไหนไปเปิดสาขา เปิดคลินิก ก็ว่ากันไป
ส่วนบริษัท บจก.DMT ที่เปลี่ยนชื่อมาจากบริษัท พริมย่า มีคลินิกที่เปิดอยู่ก่อนแล้ว 2 สาขา ก็มีใบอนุญาตจากแบรนด์ Dermatige อนุญาตให้คลินิกของ DMT ใช้ชื่อแบรนด์ได้ โดยที่แบรนด์ไม่ได้อยู่ภายใต้ DMT
ส่วนทาง ญาญ่า หมอกลาง และ หมอต่อ ก็ร่วมกันทำบริษัทอีกบริษัทหนึ่ง ชื่อ DMW เพื่อมาเปิดสาขาอื่นๆ เพื่อทำแบรนด์ Dermatige นี่เองด้วย
สิ่งที่ญาญ่าพยายามจะชี้ให้เห็นประเด็นก็คือ เม พรีมายา ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับแบรนด์ Dermatige ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ไม่เคยเข้ามาทำงาน ไม่เคยสร้างแบรนด์นี้เลย คนที่สร้างแบรนด์คือ ญาญ่า หมอกลาง และหมอต่อ เท่านั้น
ส่วนกรณีที่ มีญาติของเม ชื่อคุณไอซ์ เข้ามาติดต่อขอซื้อหุ้น ก็ต้องบอกว่าเป็นการขอซื้อหุ้นโดยตัวคุณไอซ์เอง ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเมเลย และสุดท้ายคุณไอซ์ก็ถือหุ้น DMT อยู่ 25%
กรณีที่คุณเมกล่าวหาว่า เราไปเปิดประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อลงมติปิดบริษัท DMT โดยไม่แจ้งคุณไอซ์ได้ยังไง ยืนยันว่ามีการส่งจดหมายให้คุณไอซ์แล้ว และได้แจ้งต่อหน้าแล้ว
ส่วนประเด็นโปร 999 ที่ต้องมีการโอนจอง เงิน 999 บาท แล้วพอทำเสร็จค่อยโอนยอดที่เหลือ แล้วคุณเมมาอ้างว่า เงินจองโอนเข้าบริษัท DMT (ที่คุณเมถือหุ้น ผ่านคุณไอซ์) แต่พอโอนยอดเต็ม กลับโอนเข้าไปทางบริษัท DMW (ญาญ่ากับหมอถือหุ้นกัน 3 คน)
ญาญ่ายืนยันว่าไม่จริง มีสลิปยืนยันว่า ลูกค้าทำหน้าที่สาขาไหน ก็รับเงินเข้าสาขานั้น มีสลิปยืนยันชัดเจน
แต่ส่วนประเด็นที่คุณเม เปิดประเด็นทิ้งไว้ก็คือ มีการไปเปิดสาขาใหม่ สาขา ปิ่นเกล้า ที่เป็นการบริหารโดย DMW โดยมีการเอาเลขที่ใบอนุญาตของสาขารามอินทรา ที่ขออนุญาตไว้แล้ว เอาไปติดหน้าสาขาใหม่ ซึ่งยังไม่ขออนุญาต
ทางคุณญาญ่า บอกว่า มีการติดผิดจริง โดยเป็นความผิดพลาดของผู้รับเหมา ที่มีการสื่อสารผิดพลาด และเราได้ไปตรวจสอบ และได้เอาเลขที่ใบที่ถูกต้องไปติดแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว
แต่เมื่อถามว่า แล้ว ณ วันที่เอาเลขที่ของสาขารามอินทราไปติดผิด แล้วสาขาปิ่นเกล้า มันมีใบอนุญาตหรือยัง ทางญาญ่าบอกว่า “อยู่ในระยะของการ กำลังขออนุญาต” นั่นหมายความว่า ยังไม่มีใบอนุญาต
แต่ทางทนายความของญาญ่าพยายามจะชี้ให้เห็นว่า คลินิกเองก็เป็นผู้เสียหาย ในกรณีที่ผู้รับเหมาไปติดผิด ทำให้เกิดปัญหากับทางคลินิก เราเองก็เป็นผู้เสียหายเช่นกัน อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่า คลินิกสาขาใหม่ เปิดบริการ โดยที่ใบอนุญาจตยังไม่ออกมาเรียบร้อย
ขณะที่ เม พรีมายา โฟนอินเข้ามาโต้กับ ญาญ่า โดยที่มีการโต้ตอบกันผ่านโฟนอินอย่างเดือด โดยเม ถามว่า ทำไมญาญ่า ถึงไม่กล้าให้เมมานั่งร่วมในรายการ ในสตูดิโอด้วย ญาญ่าตอบว่า ไม่สะดวกใจจริงๆ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่มัีปัญหาฟ้องร้อง ญาญ่าโดนด่าเสียๆ หายๆ จากพฤติกรรมของเม และ แซ็ก ด่าพ่อล่อแม่ แจกอวัยวะอะไรต่างๆ จึงไม่ขอให้มาเจอหน้ากันอีกแล้ว
สิ่งที่เม พูดมาตลอด ตั้งแต่มาออกรายการ บอกว่า ตัวเองเอาแสงมาสาดใส่พวกตน ก็ต้องขอบอกว่า ตนมีแสงในตัวเองอยู่แล้ว ถ้าตนเป็นใครก็ไม่รู้ ไม่รู้จักกันมาก่อน จะมาร่วมแบรนด์กันได้ยังไง อยากจะบอกว่า อย่ามากดคนอื่นแบบนี้ ตนไม่เคยอยากได้แสงจากใคร เพราะตนมีแสงในตัวเองอยู่แล้ว
ฝ่าย เม บอกว่า ความตั้งใจของพวกเขาที่จะบอกว่า เมไม่เกี่ยวข้องกับแบรนด์ Dermatige มันเป็นความตั้งใจของเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เมอยากจะถามกลับก็คือ ถ้าเมไม่เกี่ยว เราจะไปไกล่เกลี่ยกันในศาลทำไมเป็น 10-20 นัด
แล้วการไปจดทะเบียนลิขสิทธิ์ เครื่องหมายการค้า ก็เพิ่งจะไปจดเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา หลังจากที่มีเรื่องกันแล้วด้วยซ้ำ
แต่ทางญาญ่าบอกว่า การตั้งแบรนด์ Dermatige แม้จะไปจดทะเบียนช้า แต่ก่อนหน้านี้มีการทำหนังสือ ทำสัญญาอะไรตั้งแต่ก่อตั้งแล้ว แค่ยังไม่ได้ไปจด มันมีหลักฐานที่สามารถไปตรวจสอบย้อนหลังได้อยู่แล้ว
ต่อมา หมอต่อ ได้โฟนอินเข้ามา ยืนยันว่า แบรนด์ Dermatige เป็นแบรนด์ที่พวกตน อันประกอบด้วย หมอต่อ หมอกลาง และ ญาญ่า สร้างกันขึ้นมาร่วมแรงร่วมใจกันมา โดยที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณเมเลย
การที่คุณเม จะอ้างว่า ที่ขายหุ้นตอนที่มีคดีความ มันเป็นการขายขาด ไม่ได้เป็นการฝากหุ้น ถ้าฝากหุ้นก็จะต้องเป็นสัญญาอีกแบบหรือไม่ แล้วที่เขากลับมาซื้อโดยที่เป็นน้องสาวเขามาซื้อ ก็ต้องบอกว่าเป็นน้องสาวของเขา ไม่ใช่ตัวเขา ส่วนเขาจะไปมีการตกลงอะไรส่วนตัวกับน้องสาว หมอไม่รู้
ส่วนประเด็นที่หมอต่อ ขอออกมาชี้แจงในวันนี้ คือประเด็นที่ถูก “หมอกวาง” เจ้าของคลินิกอีกแห่ง ออกมาร่วมแฉว่า หมอต่อร่วมกับหมอคนอื่นๆ ดีดตัวเองออกจากกลุ่มไลน์ และ เทคนไข้ เท คลินิกดังกล่าว โดยที่ไม่บอกใครก่อนเลย
หมอต่อบอกว่า ที่หมอต้องออกมา เพราะว่า ณ เวลาที่เกิดเรื่อง คลินิกของหมอกวางมีพฤติกรรมบางอย่าง ที่สุ่มเสี่ยงต่อการที่จพทำให้หมอต่อ สูญเสียใบประกอบโรคศิลป์ และหมอไม่คิดจะทำงานต่อได้อีกแม้แต่วันเดียว จึงตัดสินใจดีดตัวเองออกจากกลุ่มไลน์ ก็ยอมรับว่าผิดที่ไม่บอกเขาดีๆ อาจจะเพราะว่าเราเองก็ยังเด็ก แต่สุดท้าย คดีความระหว่าง หมอต่อ กับ หมอกวาง มันจบลงด้วยดีที่ ศาลตัดสินว่า หมอต่อไม่ผิด
แล้วพอจบเรื่องราวนั้นไปแล้ว หมอต่อมาอยู่กับ Dermatige ก็ยังมีการไปเซ้งคลินิกสาขาเก่าของ “หมอกวาง” ยังคุยธุรกิจกันด้วยดีอยู่เลย แล้วทำไมพอเวลามีเรื่องถึงได้ออกมาผสมโรงแบบนี้ หมอต่อบอกว่า ยอมรับว่าตอนนั้นตนเป็นเด็ก และการดีดตัวเองออกมาโดยไม่ได้บอกใครก่อน มันก็ผิดจริงๆ แต่อยากให้ดูว่า สาเหตุที่หมอต้องออก มันร้ายแรงกว่าที่เห็นเยอะ แต่ไม่สามารถพูดได้ เพราะมีคดีความกันอยู่
ขณะที่ ญาญ่า ก็ตั้งข้อสังเกตว่า สามีของหมอกวางเอง ก็ไปเรียน ไปเข้าคอร์สอะไรบางอย่างกับคุณแซ็ค สามีของเม พรีมายา ทำให้หลายคนคิดว่า ตรงนี้มีความเกี่ยวข้องไหม กับการที่หมอกวางออกมาผสมโรงด้วย
สุดท้าย เมื่อถามว่า ธงหลังจากวันนี้ จะดำเนินการต่ออย่างไร ธงของแต่ละคนคืออะไร เม ยืนยันว่า อยากไปใช้ชีวิตของตัวเองแล้ว แต่ต้องซื้อหุ้นไปจากเรา ให้มันเป็นธรรมกับเรา แต่ทางญาญ่าโต้กลับว่า ไม่สามารถจะเสนอราคาให้เมได้ เพราะไม่รู้ว่า เม เป็นใครใน Dermatige ต้องเป็น ไอซ์ เป็นคนขอมา เมไม่เคยเกี่ยวข้องอะไรกับแบรนด์เลย
และที่สำคัญคือ ตอนนี้ได้ยื่นชำระบัญชีเพื่อปิดบริษัท แนะนำให้ ไอซ์ทำหนังสือไปที่คนกลาง ซึ่งก็คือ ผู้ชำระบัญชี เพื่อนำตัวเลขบัญชีมาเปิด มากาง เพื่อดูมูลค่าบริษัท ตามที่เมต้องการ
ส่วนเมบอกว่า จะทำแน่นอน แต่อยากให้รู้ว่า ทุกครั้งที่เรามีการพูดคุยว่าจะต้องทำอย่างไร มันไม่เคยทำได้ง่ายๆ อย่างที่เขาบอกเลย
ท้ายที่สุด ทั้งสองฝ่ายหาข้อสรุปไม่ได้ในรายการ และยืนยันว่าอย่างไรก็ต้องไปใช้กระบวนการทางกฎหมายในศาล เพื่อให้เรื่องนี้ได้ข้อสรุปต่อไป
#ญาญ่าเดอร์มาทีจ #เมพรีมายา #คลินิก #Dermatige #โหนกระแส