เปิดคลิปเสียงแฉ “สีกาเก็น” ไถเงิน “ทิดแย้ม” ให้โอนจนหมดตัว เงินวัดร่อยหรอ แฉเส้นเงินหมุนเวียนในบัญชี “สาวเก็น” ตั้งแต่ปี 59 กว่า 2 พันล้าน

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 ที่อาคารประชาอารักษ์ ชั้น 2 กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) มีการแถลงความคืบหน้าคดีอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงยักยอกเงินวัด โดยมี พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก., พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป., พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป., และเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าว

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เปิดเผยว่า ตลอด 7 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เก็บข้อมูลเพิ่มเติม พร้อมใช้ทั้งการสืบสวนภาคสนามและเทคโนโลยีเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน มุ่งแยกประเด็นเป็นเรื่องส่วนบุคคล เพื่อไม่ให้กระทบต่อวัดในภาพรวม

พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ระบุว่า มีผู้ร้องเรียนเข้ามา จึงมีคำสั่งตั้งคณะทำงานสองชุด ชุดแรกวิเคราะห์เส้นทางการเงิน อีกชุดลงพื้นที่ตรวจสอบพฤติกรรมและผู้เกี่ยวข้อง พบว่าอดีตเจ้าอาวาสนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัว รวมถึงใช้ในกิจกรรมที่ไม่เหมาะสม เช่น การพนัน

พ.ต.อ.จำนาญ จันทร์เทศ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบย้อนหลังตั้งแต่ปี 2564 พบเงินหมุนเวียนกว่า 300 ล้านบาท และขยายผลตรวจสอบบัญชีธนาคารกว่า 84 บัญชี ทั้งของวัด มูลนิธิ ทิดแย้ม และ น.ส.อรัญญาวรรณ พบว่าเฉพาะบัญชีของ น.ส.อรัญญาวรรณ ตั้งแต่ปี 2559 มีเงินหมุนเวียนรวมกว่า 2,000 ล้านบาท ผ่าน 4 ช่องทางหลัก ได้แก่ การฝากเงินสด, โอนตรงจากทิดแย้ม, โอนจากพระเอกพจน์ และ พ.จ.อ. สามีของหมอเตย

พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา กล่าวเสริมว่า บัญชีวัดมีรายการผิดปกติ เช่น รายได้จากการเปิดร้านค้างานประจำปีประมาณ 30 ล้านบาทต่อปี เดิมโอนเข้าบัญชีวัด แต่หลังปี 2563 กลับเปลี่ยนเป็นการมอบเงินสดให้เจ้าอาวาสโดยตรง รวมกว่า 200 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบเงินกฐินและเงินจากการจำหน่ายวัตถุมงคลอีกจำนวนมาก

นายสุทธิศักดิ์ สุมน จากสำนักงาน ปปง. ระบุว่า อดีตเจ้าอาวาสถือเป็นเจ้าพนักงาน หากนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัว อาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงิน ซึ่ง ปปง. กำลังตรวจสอบทรัพย์สินที่เกี่ยวข้อง และแยกกลุ่มผู้เกี่ยวพันเป็น 3 วง เพื่อขยายผลสอบสวน

นายบุญเชิด กิตติธรางกูล รอง ผอ.พศ. กล่าวว่า ปัจจุบันวัดทั่วประเทศกว่า 40,000 แห่งมีระบบบัญชีพื้นฐานอยู่แล้ว แต่เหตุการณ์นี้ทำให้มีการทบทวนระบบ โดยสมเด็จพระสังฆราชมีพระลิขิตให้ปรับปรุงการบริหารจัดการวัด มหาเถรสมาคมจึงมีมติแนวทางปฏิบัติ 4 ข้อหลัก ได้แก่ ตั้งอนุกรรมการบริหารทรัพย์สินวัด, ประสานหน่วยงานรัฐ, ยกระดับมาตรฐานบัญชีวัด และใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในการจัดการการเงิน โดยจะเริ่มมีผล 1 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป

ในงานแถลงข่าว มีการเปิดคลิปเสียงระหว่าง ทิดแย้ม กับ น.ส.อรัญญาวรรณ ซึ่งมีเนื้อหาเรื่องการโอนเงิน 2 ล้านบาท เพื่อใช้เล่นการพนัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ระบุว่าแม้ยังไม่พบหลักฐานว่าทิดแย้มเล่นพนันเอง แต่ทราบดีว่าเงินถูกนำไปใช้เล่นพนันโดย น.ส.อรัญญาวรรณ

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เผยว่า น.ส.อรัญญาวรรณ เป็นเด็กวัดไร่ขิงตั้งแต่มัธยมต้น เริ่มจากขอหยิบยืมเงินทิดแย้ม ก่อนจะพัฒนาความสัมพันธ์ จนมีการพูดคุยสื่อสารอย่างลึกซึ้งถึงขั้นเซ็กซ์โฟน และมีการโอนเงินกันต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2563 ถึงปลายปี 2567 จนกระทั่งทิดแย้มเริ่มรู้ตัวว่าเงินวัดร่อยหรอ ไม่สามารถไปต่อได้

ปลายปี 2567 น.ส.อรัญญาวรรณ และสามี ถูกตำรวจไซเบอร์จับกุม ก่อนจะติดต่อทิดแย้มอีกครั้งโดยข่มขู่ว่าคลิปเสียงต่างๆ รวมถึงเซ็กซ์โฟน ถูกตำรวจยึดไว้ ซึ่งอาจนำมาแบล็กเมล์หากไม่ได้รับความช่วยเหลือ

ในประเด็นนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ชี้ว่าเป็น 2 เรื่อง คือการทุจริตเงินวัด และอุบายแบล็กเมล์ ซึ่งทิดแย้มมีความผิดชัดเจน ไม่ถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ส่วนความสัมพันธ์เชิงชู้สาว ยังไม่มีหลักฐานยืนยัน

สำหรับหมอเตย ซึ่งถูกระบุว่าเป็นหมอดูร่างทรง ไม่ใช่แพทย์ มีอิทธิพลอย่างสูงต่อการบริหารงานวัด พบว่าร้านค้าภายในวัดมีปัญหา เช่น การรับเงินผ่านแอปพลิเคชันที่ไม่ใช่ชื่อวัด รวมถึงพบความเชื่อมโยงกับทิดแย้มผ่านเรื่องราวทางจิตวิญญาณ โดยยังไม่มีหลักฐานความสัมพันธ์ลึกซึ้ง

นอกจากนี้ ยังพบว่าหมอเตยมีชายอีก 5 คนที่มีความเกี่ยวข้อง ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างเรียกตัวมาสอบสวน

สุดท้าย พ.ต.ท.สิริพงษ์ เผยว่า ตรวจพบผู้เกี่ยวข้องเกือบ 10 ราย เป็นคนใกล้ชิดของทิดแย้ม รวมถึง น.ส.อรัญญาวรรณ และพระอีกหลายรูป โดยพบรายการฝากถอนจากบัญชีวัดถึง 20,000 รายการ และมีการนำเงินไปซื้อที่ดินที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ในนามของ น.ส.อรัญญาวรรณ หลายแปลงด้วย