ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดประยุรวงศาวาสฯ เชื่อ “เจ้าคุณประสิทธิ์” อาจตกเป็นเหยื่อ “มาร” จ้องทำลายพระ เชื่อเรื่องนี้เป็นเพียง “ระเบิดเฉียดวัด” ยังไม่ได้ลงกลางวัด

พระครูวินัยธรวิเชียร วชิรธัมโม ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เปิดเผยถึงสถานการณ์ที่น่าห่วงในวงการพระพุทธศาสนาในขณะนี้ว่า มีขบวนการที่เปรียบเสมือน “มารจ้องทำลายพระ และพระพุทธศาสนา”  โดยมีผู้หญิงจำนวนหนึ่งที่แฝงตัวเข้ามาในคราบผู้ใจบุญ ลักษณะภายนอกแต่งตัวดี สวมแบรนด์เนม ดูเหมือนคนใจบุญและมีฐานะ จนทำให้พระหลายรูปรู้สึกไว้วางใจ

เมื่อพระสงฆ์เห็นว่าโยมเหล่านี้มีความตั้งใจจะทำบุญ จึงมักได้รับนิมนต์ไปฉันภัตตาหารที่บ้าน จนนำไปสู่การมีภาพถ่ายหรือคลิปวิดีโอต่างๆ ที่กลายเป็นหลักฐานในภายหลัง โดยมีพระจำนวนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อ ทั้งที่บางรูปบวชมาตั้งแต่เป็นสามเณร ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของโลกภายนอก จึงไม่รู้ว่าจะมีใครจ้องเล่นงานในลักษณะนี้

พระครูวินัยธรวิเชียรยังชี้ว่า ขบวนการเหล่านี้ไม่ได้หวังผลทางธรรม แต่หวังผลทางการเงินโดยไม่มีจิตสำนึกใดๆ พวกเขาไม่รู้สึกผิดที่ทำเช่นนี้ เพราะสิ่งที่ได้คือเงินเพียงอย่างเดียว ด้วยเหตุนี้เอง จึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากญาติโยมในการช่วยกันสอดส่อง หากพบเห็นพระพูดคุยกับสีกาสองต่อสอง ก็ควรเข้าไปเตือนหรือหาทางป้องกัน เพราะหากปล่อยไว้ พระที่ดีอาจค่อยๆ หายไป และในอนาคตอาจไม่มีพระที่เหลือให้กราบไหว้

ในส่วนของวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร พระครูวินัยธรวิเชียรระบุว่า สีกาคนที่ตกเป็นข่าวก็เคยมาทำบุญกับทางวัด แต่ไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าทำบุญที่ใดหรือเมื่อไร เนื่องจากพระผู้ใหญ่ของวัดมีภารกิจมาก โดยเฉพาะงานด้านการศึกษาในมหาวิทยาลัยสงฆ์ ซึ่งต้องใช้เงินจำนวนมากในการบริหารจัดการ และมีญาติโยมเข้ามาสนับสนุนอยู่ตลอด ทำให้สีกาคนดังกล่าวอาจมีโอกาสได้รู้จักกับพระผู้ใหญ่หลายรูป

สำหรับกรณีของพระเทพปวรเมธี หรือ เจ้าคุณประสิทธิ์ ที่กำลังตกเป็นข่าว พระครูวินัยธรวิเชียรยอมรับว่า ตนไม่ทราบรายละเอียดว่าท่านพลาดในจุดใด ทราบเพียงว่าทั้งสองคนรู้จักกัน แต่ไม่ชัดเจนว่ามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งแค่ไหน ส่วนหลักฐานทั้งหมดควรยึดถือข้อมูลทางวิทยาศาสตร์เป็นสำคัญ โดยเชื่อว่าเจ้าคุณประสิทธิ์เองก็น่าจะรู้จักปกป้องตัวเองในระดับหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม การที่เจ้าคุณประสิทธิ์มีภาระงานหลายด้านและตำแหน่งสำคัญหลายตำแหน่ง การจะออกมาชี้แจงผ่านสื่ออาจส่งผลเสียต่อการปฏิบัติงาน จึงเลือกที่จะเก็บตัวเงียบ ซึ่งทางวัดเองก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน แต่ถือว่าเหตุการณ์นี้ยังเป็นเพียง “ระเบิดที่เฉียดวัด” ยังไม่ใช่การระเบิดลงกลางวัด จึงยังคงต้องติดตามความคืบหน้าต่อไป

ในด้านอุปนิสัยส่วนตัวของเจ้าคุณประสิทธิ์ พระครูวินัยธรวิเชียรที่รู้จักกับท่านมายาวนานนับตั้งแต่ตนเองบวชมา 40 ปี ระบุว่า เจ้าคุณประสิทธิ์เป็นพระที่พูดน้อย เรียบร้อย และมุ่งมั่นทำงาน ได้รับความศรัทธาจากญาติโยมอย่างมาก แต่หลังจากเกิดข่าวทุกอย่างก็เงียบลง และเจ้าคุณประสิทธิ์ก็ไม่สามารถติดต่อได้

ในโครงสร้างการบริหารของวัดนั้น แบ่งออกเป็น 3 ระดับ คือ ผู้บริหารระดับสูง ระดับกลาง และระดับล่าง ซึ่งพระผู้ช่วยเจ้าอาวาสจัดอยู่ในระดับล่าง ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ การพิจารณาข้อเท็จจริงและตัดสินใจดำเนินการจะเป็นหน้าที่ของผู้บริหารระดับสูง หากเจ้าคุณประสิทธิ์กระทำผิดจริง ท่านก็ต้องยอมรับ แต่ในตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถติดต่อกับท่านได้ และไม่ทราบแน่ชัดว่าท่านอยู่ที่ใด