ร้องพฤติกรรมเพื่อนบ้าน! เปิดเพลงดัง เบิ้ลรถ ปล่อยหมากัด เจ้าตัวโต้ ไม่เคยทำ หากถูกกล่าวหาพร้อมปกป้องสิทธิ์

วันที่ 1 พ.ค ที่ผ่านมา ที่เทศบาลเมืองบางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หญิง อายุ 35 ปี และ หญิง อายุ 47 ปี เดินทางเข้าร้องเรียนกับ ‘นายชลธี สุนทรสุจริต’ เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองบางรักพัฒนา กรณีเพื่อนบ้านมีพฤติกรรมก่อความรำคาญ และสร้างความเดือดร้อนให้กับคนในหมู่บ้าน อยากให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ไขปัญหา หวั่นเกิดเหตุร้ายตามมาภายหลัง

เรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งบริเวณถนนเลียบคลองบางไผ่ ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหตุการณ์ขณะที่รถเก๋งสีแดงกำลังจะขับออกจากหมู่บ้าน ได้มี จยย. ขี่ตามหลังมา จากนั้นคนขับรถเก๋งได้หักเบียด จยย. จนเกือบจะชน แล้วก็ขับออกไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

อีกคลิปเป็นภาพผู้หญิงยืนคุยอยู่ที่หน้าประตูบ้าน จากนั้นคู่กรณีได้ปล่อยหมาออกมา 2 ตัว พร้อมกับพูดว่า “ไปกัดมันเลย” และอีกคลิปเป็นภาพรถเก๋งสีแดงขับมาจอดที่หน้าบ้าน จากนั้นได้เร่งเครื่องยนต์ส่งเสียงดัง และยังมีคลิปล่าสุดที่เปิดเพลงเสียงดังลั่นซอย เจ้าหน้าที่ รปภ. ของหมู่บ้านได้ไปเตือน แต่กลับถูกไล่ให้ไปแจ้งตำรวจ พอตำรวจมาห้ามจึงยอมปิดเพลง วีรกรรมต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในซอยพากันเอือมระอา

หญิง อายุ 35 ปี เพื่อนบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน เผยว่า ตนพยายามจะประสานขอพูดคุยกับเขา อยากสอบถามว่ามันเกิดปัญหาอะไร แต่ทุกครั้งก็ไม่ได้รับการพูดคุย มีแต่คนของเขามาบอกว่าตนชอบเอาเรื่องของเขาไปพูด แต่เขาไม่เคยมาบอกว่าตนไปพูดเมื่อไหร่

ส่วนใหญ่เวลาเจอกันเขาจะคอยมามองหน้าตนตลอด จนเมื่อปลายปีที่แล้ว ตนเดินไปหาเพื่อนบ้าน พอเขาเห็นตนยืนอยู่เขาก็ปล่อยหมาออกมา และได้ยินเขาพูดว่า “กัดแม่งเลย” ก่อนหน้านั้นมีคำพูดอีกแต่ได้ยินไม่ชัด ตอนนั้นมีเด็กในบ้านเดินออกมาหา ตนเห็นว่ามันค่อนข้างอันตรายถ้าหากหมามันไปกัดเด็ก เหตุการณ์วันนั้นตนได้ไปแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง

ส่วนล่าสุด เขาขับรถมาจอดที่หน้าบ้านแล้วเร่งเครื่องยนต์เสียงดัง บางครั้งก็บีบแตรเสียงดังลั่นเหมือนเป็นการแกล้ง นอกจากนี้ยังมีการเปิดเพลงเสียงดังในยามวิกาล พอเจ้าหน้าที่ รปภ. มาเตือน เขาก็ตะโกนบอกว่าให้ไปแจ้งตำรวจ พอตำรวจมาเตือนเขาก็หยุดและเว้นช่วงไปหลายวัน หลังจากนั้นก็ทำเหมือนเดิม ซึ่งเขาทำแบบนี้มาประมาณ 2 ปีแล้ว พอมีเจ้าหน้าที่เข้ามาพูดคุยเขาก็บอกว่าเขาไม่ได้ทำอะไร ตอนนี้อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาพูดกับเขาให้มันชัดเจน ซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเลย

หญิง อายุ 47 ปี อีกหนึ่งในผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน เล่าว่า เพื่อนบ้านรายนี้ชอบก่อความเดือดร้อนรำคาญ และที่เลวร้ายที่สุดคือเมื่อ 2 ปีก่อน ตนขี่ จยย. กำลังจะออกไปทำธุระข้างนอก เขาก็ขับรถยนต์มาเฉี่ยว ประมาณว่าอยากปาดให้เราล้ม และล่าสุด สามีตนขี่ จยย. ออกไปรับลูก กำลังจะเข้าบ้าน เขาก็ขี่ จยย. มาเฉี่ยวอีก ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์ได้ไปแจ้งความไว้แล้ว นอกจากนี้ตอนกลางคืนเขายังส่องไฟสปอตไลต์เข้ามาในบ้าน ปาขวดแก้วเข้ามาในบ้าน เปิดเพลงเสียงดัง ขับรถยนต์และ จยย. มาเบิ้ลที่หน้าบ้าน

ส่วนตัวไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน ที่ผ่านมาอาจจะเคยให้ขนมกัน แต่หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ไปสุงสิง เพราะเราต้องทำงานจึงไม่มีเวลาพบปะกันสม่ำเสมอ หรืออาจะเป็นเพราะเราไกลกัน ไม่ได้พูดคุยกัน จึงทำให้เขาคิดว่าเรามีอะไรหรือเปล่า แล้วเขาก็ไม่คุยกับเรา พอเราไปแจ้งความเขาก็ไม่มาคุยมาเคลียร์ แต่กลับมาสร้างปัญหาแบบนี้ ตนก็อยากจะทราบต้นตอของสาเหตุเหมือนกัน ซึ่งเขาทำพฤติกรรมแบบนี้มา 2 ปีแล้ว

เมื่อก่อนเขาจะทำแค่กับคนในซอย จนกระทั่งเดือนที่แล้ว เขาทำกับเพื่อนบ้านที่อยู่ซอยใกล้เคียง โดยเฉพาะเรื่องเปิดเพลงเสียงดังตอนกลางคืน เขาก็ท้าให้ตำรวจสายตรวจเข้ามาดู

อยากจะฝากไปถึงเพื่อนบ้านรายนี้ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้แจ้งมา เข้ามาคุยกันดีๆ เราจะอยู่ร่วมกันได้ไหม มาไกล่เกลี่ยกัน หรือถ้าเขาไม่อยากคุยกับเรา ก็ขอให้ต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำงาน

ด้าน ชาย อายุ 43 ปี คู่กรณีที่ถูกร้องเรียน กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหากับใคร และปกติก็ไม่ได้คุยกับใคร ส่วนเรื่องเปิดเพลงเสียงดัง ปล่อยหมาไปกัด ก็ไม่เคยทำ และไม่เคยทะเลาะกับใครด้วย ส่วนตัวคิดว่าตนเองถูกละเมิดสิทธิ์ ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะปกป้องสิทธิ์ของตัวเอง และขอยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหากับใคร แต่ไม่รู้ว่าใครอยากจะมีปัญหากับตนหรือเปล่า

นายชลธี สุนทรสุจริต เลขานุการนายกเทศมนตรีเมืองบางรักพัฒนา กล่าวว่า หลังจากที่มีลูกบ้านมาร้องเรียนที่เทศบาลฯ จึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาลงพื้นที่ตรวจสอบ และได้มีการพูดคุยกับผู้ถูกร้องเรียน

เบื้องต้น ทางเทศบาลฯ ได้ตักเตือนว่าอย่าสร้างความเดือดร้อนรำคาญ หรือว่ารบกวนสิทธิ์ของผู้อื่น โดยผู้ถูกร้องเรียนก็รับทราบ แต่จะปฏิบัติตามหรือไม่อันนี้ก็ยังไม่แน่ใจ ทางเทศบาลฯ ก็จะดูต่อไปว่ามีการปรับปรุงแก้ไขพฤติกรรมไหม ถ้าหากยังเป็นอยู่ก็จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป