สามเณรวัย 16 ปี ร้อง “ทนายกบ” ถูกมิจฉาชีพหลอกให้เปิดบัญชี ก่อนเอาไปใช้เป็นบัญชีม้าหลอกคน ตัวเณรกลายเป็นผู้ต้องหา

ญาติพาสามเณรวัย 16 ปี จากพื้นที่ อ.แม่ลาว จ.เชียงราย เข้าขอความช่วยเหลือจากนายณธัชพงศ์ บุญเกิด หรือ "ทนายกบ" ที่สำนักงานกฎหมาย อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังถูกหลอกเปิดบัญชีม้า โดยมีการเสนอค่าตอบแทน 2,000 บาท แต่ได้รับจริงเพียง 100 บาท และต่อมาถูกหมายเรียกผู้ต้องหาในข้อหาเป็นผู้สนับสนุนการฉ้อโกง จากเจ้าหน้าที่ สภ.สำโรงเหนือ จ.สมุทรปราการ โดยมีการตรวจพบว่ามีเงินหมุนเวียนในบัญชีเกือบ 200,000 บาทภายใน 5 ชั่วโมง ก่อนถูกธนาคารอายัติบัญชี

เณรเล่าว่า เมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 67 ตนโพสต์ขายไอดีเกมในกลุ่มเฟซบุ๊ก มีบุคคลโปรไฟล์หญิงรายหนึ่งติดต่อมา เสนอเงิน 2,000 บาทแลกกับการเปิดบัญชีธนาคาร ตนจึงเปิดบัญชีธนาคารกรุงศรีฯ ตามที่อีกฝ่ายส่งขั้นตอนมาเป็นภาพถ่าย จากนั้นถูกเชิญเข้ากลุ่มไลน์ที่มีสมาชิกประมาณ 4-5 คน ก่อนถูกสั่งให้สแกนใบหน้าผ่านวิดีโอคอลและเปลี่ยนเบอร์ OTP เป็นของมิจฉาชีพ หลังดำเนินการตามขั้นตอน ตนไม่สามารถเข้าบัญชีได้อีก และได้รับเงินเพียง 100 บาท โดยอ้างว่ามีปัญหากับทีมงาน

ต่อมาตนได้รับโทรศัพท์จากผู้เสียหายรายหนึ่ง กล่าวหาว่าโกงเงินค่าซื้อมือถือ 34,000 บาท ตนพยายามอธิบายว่าเป็นผู้ถูกหลอก และได้ช่วยผู้เสียหายอายัติบัญชีในวันเดียวกัน ก่อนจะได้รับหมายเรียกในข้อหาฉ้อโกงเมื่อวันที่ 19 เม.ย. 68 โดยผู้เสียหายตามหมายเรียกเป็นบุคคลจาก จ.สมุทรปราการ ไม่ใช่รายที่โทรศัพท์ติดต่อมาก่อน

เณรเผยว่า หลังได้รับหมายเรียกเกิดความเครียดอย่างหนัก กินไม่ได้นอนไม่หลับ ต้องช่วยงานวัดเพื่อคลายเครียด ทั้งนี้ พยายามเข้าแจ้งความที่ สภ.แม่ลาว แต่ตำรวจไม่รับแจ้ง อ้างว่าตนสมัครใจขายบัญชีเอง ทำให้ยิ่งรู้สึกหมดหนทางและเสียใจอย่างหนัก

เณรเล่าด้วยว่า หลังพ่อเสียชีวิตในปี 2561 และแม่เสียชีวิตในปี 2566 ตนจึงบวชเป็นสามเณรเพื่อไม่สร้างภาระครอบครัว บวชมาแล้ว 5 พรรษา แต่ด้วยความร้อนเงินและไม่อยากรบกวนเจ้าอาวาสที่อาพาธ จึงหลงเชื่อมิจฉาชีพ หวังเพียงได้เงิน 2,000 บาทมาใช้จ่าย โดยไม่คาดคิดว่าจะนำไปสู่ปัญหาทางกฎหมาย

เณรกล่าวว่า ต้องการให้ทนายกบช่วยติดตามจับกุมมิจฉาชีพ เพราะรู้สึกกังวลอย่างมาก เห็นยอดเงินหมุนเวียนในบัญชีเกือบ 200,000 บาทภายในเวลาเพียง 5 ชั่วโมง พร้อมทั้งยืนยันว่า หลังจากวันที่ 3 ธ.ค. 67 ตนได้ตัดขาดการติดต่อกับมิจฉาชีพและลบแชทไปแล้ว เนื่องจากตกใจและกลัว

เณรยังฝากขอโทษผู้เสียหายทุกคนที่ถูกนำบัญชีไปใช้ก่อเหตุ ยืนยันว่าไม่มีเจตนา และยินดีให้ผู้เสียหายติดต่อมาเพื่อชี้แจงข้อเท็จจริง

ญาติของเณร ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน กล่าวว่า ทราบเรื่องเมื่อวันที่ 24 เม.ย. 68 จากผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่วัดของเณรที่ จ.เชียงราย หลังทราบเรื่องก็รีบให้เณรเดินทางมากรุงเทพฯ ในวันที่ 25 เม.ย. เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยก่อนหน้านี้ได้พาเณรไปขอคำปรึกษาที่กองทุนยุติธรรม แต่ยังไม่สามารถดำเนินการอะไรได้มาก เนื่องจากเณรต้องเตรียมเอกสารต่าง ๆ สำหรับต่อสู้คดี

ญาติระบุว่า เณรไม่ได้ปฏิเสธความผิด แต่ยอมรับว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ เพราะอยากได้เงินเพียงเล็กน้อยมาใช้จ่าย ทั้งยังกล่าวว่าการหลอกลวงเยาวชนเช่นนี้ เป็นภัยรูปแบบใหม่ที่อาศัยความไว้ใจและความไร้เดียงสาของเด็ก

ด้านนายณธัชพงศ์ หรือทนายกบ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานกับพนักงานสอบสวน สภ.สำโรงเหนือ เพื่อขอรายละเอียดเกี่ยวกับคดี เบื้องต้นพบว่าเณรไม่ได้มีเจตนาโกง และเนื่องจากยังมีสถานะเป็นเยาวชน จึงอยู่ภายใต้กระบวนการของศาลเยาวชน

ทนายกบชี้ว่า ขั้นตอนการเปิดบัญชีดังกล่าวถือเป็นโมฆียะกรรม เพราะขณะเปิดบัญชี เณรมีอายุเพียง 15 ปี อีกทั้งพบว่ามิจฉาชีพใช้เทคนิคสแกนใบหน้าผ่านวิดีโอคอลจากสองเครื่อง พร้อมเปลี่ยนเบอร์ OTP เพื่อควบคุมบัญชีธนาคารแทนเจ้าของบัญชีตัวจริง

นอกจากนี้ ทนายกบยังระบุว่า บัญชีที่โอนเงินให้เณร เป็นคนละบัญชีกับบัญชีที่อ้างว่าถูกแฮก โดยปัจจุบันมีการตรวจสอบพบรายการความเสียหายประมาณ 95 รายการ ยอดรวมกว่า 192,000 บาท ขณะนี้ได้พาเณรเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับมิจฉาชีพที่ สภ.บางบัวทองแล้ว

ทนายกบฝากข้อเสนอแนะถึงธนาคารทุกแห่งให้ยกเลิกการเปิดบัญชีออนไลน์เพื่อลดปัญหาบัญชีม้า พร้อมแนะนำว่า หากเยาวชนจะเปิดบัญชี ควรมีผู้ปกครองร่วมดำเนินการ และขอให้ผู้ปกครองหมั่นดูแลและให้กำลังใจบุตรหลาน หากเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้น