รายการโหนกระแสได้เปิดเผยเรื่องราวสุดระทึกจากปากของคู่สามีภรรยา นายเบิร์ด อายุ 27 ปี และนางสาวนก อายุ 29 ปี ซึ่งตั้งครรภ์ได้ 8 เดือน หลังทั้งคู่เดินทางไปร้องเรียนกับมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคมเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่อขอความช่วยเหลือจากกรณีถูกหลอกซื้อรถหลุดจำนำ และเกิดเหตุไม่คาดฝัน แก๊งต้มตุ๋นขับรถหนีไปหลังจากได้เงิน 6 แสน โดยที่ภรรยาของผู้เสียหายที่กำลังตั้งท้อง ยังอยู่บนรถ จนสามีต้องกระโดดเกาะรถ เพื่อตามช่วยภรรยา
นายเบิร์ดเล่าว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 เขาได้ติดต่อซื้อรถหลุดจำนำผ่านเฟซบุ๊กเพจชื่อ “วิ่งดาว จำนำรถทุกชนิด” โดยตกลงซื้อรถยนต์ Toyota รุ่นร็อคโค่ แคป สีเขียว ปี 2025 ราคา 640,000 บาท ผู้ขายชื่อว่านายแบงค์ส่งภาพเอกสารการจำนำรถและชื่อเจ้าของรถคือ นางบุปผา ชัยสิทธิ์ มาให้ดู พร้อมระบุให้โอนมัดจำ 7,000 บาทก่อน ส่วนอีก 627,000 บาทให้โอนวันรับรถ และอีก 13,000 บาทเป็นค่านายหน้า ซึ่งนายเบิร์ดทำธุรกิจซื้อมาขาย พอติดต่อว่าจะซื้อรถคันนี้ ก็ไปติดต่อหาลูกค้าเพื่อที่จะขายรถคันนี้ต่อ โดยกินเงินส่วนต่าง
กระทั่งวันที่ 23 พฤษภาคม นายเบิร์ด พร้อมภรรยาที่ตั้งครรภ์ 8 เดือน ได้นัดรับรถที่หน้าร้านกาแฟอเมซอน ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งย่านบางพลี จ.สมุทรปราการ โดยมีชาย 3 คนมาส่งรถคือ นายสันติ นายทนงศักดิ์ และชายอีกคนที่คาดว่าน่าจะเป็นนายแบงค์ จากนั้นเขาได้โอนเงิน 627,000 บาทเข้าบัญชีธนาคารกรุงศรีฯ ชื่อบัญชี “นายณัฐชัย บูรณะสันติ” ซึ่งคาดว่า น่าจะเป็นบัญชีนายแบงค์
ทันใดนั้น นายสันติตะโกนว่า “มึงโอนให้ใคร กูไม่รู้จัก” ก่อนจะกระโดดขึ้นรถขับออกไป ขณะนั้นภรรยาของนายเบิร์ดยังอยู่ในรถ ส่วนชายอีกสองคนแยกย้ายหลบหนีไป โดยมีรถจักรยานยนต์มารอรับ นายเบิร์ดเห็นท่าไม่ดีจึงรีบกระโดดขึ้นท้ายกระบะ พยายามทุบกระจกจนแตกแล้วมุดเข้าไปในห้องโดยสาร ตะโกนให้หยุดรถ ก่อนที่นายสันติจะเปิดประตูและวิ่งหลบหนี
เขาเล่าว่า มีชาวบ้านช่วยโทรแจ้งตำรวจ และมีพลเมืองดีนำรถจักรยานยนต์มาช่วยไล่ติดตาม ตนตะโกนขออาวุธจากแม่ค้าแถวนั้น เขาก็โยนไม้มาให้ใช้ป้องกันตัว จนกระทั่งต่อมา นายสันติและนายทนงศักดิ์กลับมาที่จุดเกิดเหตุ ขณะเดียวกันตำรวจสายตรวจ สภ.บางพลี ก็เดินทางมาถึง แต่น่าแปลกที่เจ้าหน้าที่กลับระบุว่านายสันติและนายทนงศักดิ์เป็นเจ้าของรถ และไม่สามารถดำเนินคดีได้
นายเบิร์ดเผยว่า รู้สึกมึนงงและไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะภรรยาได้โอนเงินสดซื้อรถไปแล้วแต่ตำรวจไม่อายัดรถหรือขอตรวจสอบหลักฐานเจ้าของรถตัวจริง จึงตัดสินใจพาภรรยาท้องแก่ไปร้องเรียนกับมูลนิธิฯ เพื่อขอความเป็นธรรม
ด้าน นายสันติ ชายที่นายเบิร์ดเชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิด ยืนยันว่า ตนไม่รู้เรื่องเลย ถูกหลอกลวงมาเหมือนกัน โดยรถคันนี้ ไม่ใช่รถหลุดจำนำ เป็นรถของพี่สาว ที่เขาผ่อนไม่ไหว อยากลดภาระหนี้ โดยจะขายดาวน์ ตั้งใจจะทำสัญญา เพื่อที่ว่าครบ 1 ปี ก็จะมาเปลี่ยนสัญญากัน ถ้ารู้ว่านายหน้ารับมาแล้วเอาไปขายต่อ ก็คงไม่เอามาขายเหมือนกัน
สาเหตุที่ต้องขับรถหนี เพราะว่ากลัวว่านายเบิร์ดจะเป็นโจรมาชิงรถ เราก็เลยต้องรีบขับรถหนี ตั้งใจจะไปโรงพัก เพราะกลัวถูกปล้นรถ แต่ปรากฏว่านายเบิร์ดก็กระโดดขึ้นหลังรถ แล้วทุบๆๆๆ กระจกจนแตก แล้วเข้ามาชกต่อยตน อยากบอกว่า นายเบิร์ดเองก็ไม่ธรรมดา ถ้ารู้ว่าคนซื้อเป็นเขา ไม่ธรรมดาขนาดนี้ เราคงไม่กล้าเอารถมา
สันติบอกอีกว่า ตอนแรกก็ตกลงกันดิบดีว่าจะติดตามตัวเอาคนที่หอบเงินหนีไปมาให้ได้ก่อน แต่เขาไปออกรายการ ไปกล่าวหาอะไรเราก่อน เราเองก็สงสัยว่า ทำไมนายเบิร์ดโอนเงินกันง่ายดายขนาดนั้น ทั้งที่เขาก็รู้ว่ารถอยู่กับเรา ทำไมเขาไม่มาถามอะไรเราเลย โอนเงินกันสร็จแล้ว ไม่ถามผมสักคำ แล้วจะมาเอากุญแจรถจากผมอย่างเดียว ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เขาจะรู้กันกับนายแบงค์หรือไม่
ขณะที่นายเบิร์ดก็บอกว่า ผมเองก็คิดว่านายแบงค์มากับสันติ ก็เลยโอนเงินให้แบงค์ไปเลย แล้วไปเอากุญแจ ยังเข้าใจอยู่ว่า เขาจัดฉากร่วมกัน 3 คนหรือไม่ ถึงได้มีการจัดการเป็นขั้นเป็นตอนแบบนี้
เบิร์ดยังถามว่า ที่สันติกล่าวหาว่าตนทำหมูกระทะบังหน้า ก็อยากรู้ว่ารู้ได้ยังไง ในเมื่อตนไม่เคยบอกใคร ไม่เคยลงเฟซบุ๊กเลย แต่สันติบอกว่า รู้จากวงใน รู้จากใครไม่สำคัญ แต่ตนมีหลักฐานก็พอ
สันติบอกว่า รถคืนให้พี่สาว คืนเจ้าของที่แท้จริงไปแล้ว ส่วนเรื่องจะไปแจ้งความเอาผิดใครหรือไม่นั้น ได้ไปแจ้งหมดแล้ว แต่ขอไม่ให้รายละเอียด เพราะว่าทนายไม่ให้พูด ก่อนที่สันติจะบอกว่า ผมขับรถอยู่ ปวดหัว ขอวางสายแค่นี้ก่อนแล้วกัน จนทำให้ ดร.หมวย อริสรา ผู้ดำเนินรายการ ต้องถามว่า “จบกันดื้อๆ แบบนี้เลยหรือ?”