ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์ ตำรวจ สภ.บ้านมาบอำมฤต จ.ชุมพร ได้รับแจ้งว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายที่ทำการไปรษณีย์แห่งหนึ่ง ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร จึงได้เดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบชายอายุ 40 ปี อดีตพนักงานไปรษณีย์ ได้รับบาดเจ็บสาหัสถูกฟันด้วยของมีคมเป็นแผลฉกรรจ์ทั่วร่างกาย ถูกมัดมือมัดเท้าด้วยเชือก นอนเลือดท่วมตัว และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคู่กรณีคือ ชายอายุ 42 ปี เป็นหัวหน้าไปรษณีย์ ได้รับบาดเจ็บจากของมีคมเช่นเดียวกัน
จากการสอบสวนเบื้องต้นสอบทราบว่า ผู้เสียชีวิตได้ก่อเหตุเดินถือมีดอีโต้เข้าไปที่ทำการไปรษณีย์และใช้มีดอีโต้ฟันทำร้ายหัวหน้าไปรษณีย์ แต่หัวหน้าไปรษณีย์ ฮึดสู้และสามารถแย่งชิงมีดมาได้จึงฟันใส่ผู้เสียชีวิตไม่ยั้งมือจนเป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บทั้งคู่
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดแห่งหนึ่งใน ต.ดอนยาง อ.ปะทิว จ.ชุมพร สถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของผู้เสียชีวิต ได้พบกับ ชายอายุ 68 ปี อดีตนายสถานีรถไฟ ซึ่งเป็นพ่อของผู้เสียชีวิต เล่าว่าลูกชายตนป่วยเป็นโรคซึมเศร้ารักษาตัวรับกลับมาเมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา ด้วยอาการที่หายป่วยแล้ว
โดยลูกชายตนเคยทำงานอยู่ที่ไปรษณีย์ที่เกิดเหตุมานานกว่า 10 ปี ที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหากับใคร ซึ่งจะมีปัญหาอยู่กับหัวหน้างานคนปัจจุบันระหองระแหงเรื่องงานกันมาตั้งแต่ปี 2565 โดยส่วนตัวลูกชายตนเป็นคนพูดน้อย เพื่อนร่วมงานและชาวบ้านรักทุกคน และที่ผ่านมาหัวหน้าลูกชายเคยพูดขู่ไว้ว่า เขาเอาคนออกมาเยอะแล้ว และตั้งแต่หัวหน้าคนนี้เข้ามา ก็เอาคนออกหลายคนแล้วด้วย ปัญหาน่าจะเป็นเรื่องงานเพราะจู่ ๆ หัวหน้างานคนนี้ก็ให้ลูกชายตนออกจากงาน ซึ่งมาจากเรื่องปัญหาภายในของหัวหน้ากับลูกน้อง
วันเกิดเหตุลูกชายมาหาตนแต่เช้านั่งกินอาหารเช้าด้วยกัน โดยไม่ได้พูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นให้ฟัง หลังจากนั้นก็ออกไปไม่ได้บอกกล่าวกัน จนทราบว่าไปก่อเหตุที่ทำการไปรษณีย์ ซึ่งตนเห็นว่ามันรุนแรงมากเกินไป เกินกว่าเหตุ ลูกชายตนมีบาดแผลรอยทิ่มแทงทั้งตัวเกือบ 100 แผล ตนคิดว่าคนทำร้ายลูกชายไม่ใช่แค่คนเดียวแน่นอน จึงขอร้องตำรวจว่าต้องทำให้กระจ่าง ขอให้ทำให้ชัดเจน ตนยืนยันว่าลูกชายเข้ารักษาตัวนั้นเป็นโรคซึมเศร้าไม่ใช่รักษาอาการติดยาเสพติด ขอให้ความเป็นธรรมกับลูกชายตนด้วย
ด้าน พี่สาวของผู้เสียชีวิตบอกด้วยความอัดอั้นใจว่า ตนเข้าใจว่าน้องชายทำผิดที่ไปทำร้ายถึงที่ทำงาน แต่เมื่อจับตัวได้แล้วทำไมไม่หยุด กรณีแบบนี้ไม่มีใครรับได้ ตนคิดว่าน่าจะรุมกันทำร้ายจนสาหัสแล้วจับมัดมือมัดเท้า เพราะคนทำต้องมากกว่า 1 คน ถ้าตัวต่อตัวอีกฝ่ายสู้น้องชายตนไม่ได้แน่นอน เพราะน้องชายเป็นคนตัวใหญ่
มาบอกว่าป้องกันตัว ไม่ได้ทำอะไรแค่ล็อกตัวเฉยๆ ตนจึงมีคำถามว่าถ้าแค่ล็อกตัวแล้วบาดแผลทั้งหมดมาจากไหน มีบาดแผลฉกรรจ์ที่ข้อพับขาทั้งสองข้าง และบริเวณศีรษะซึ่งทำให้เลือดไหลไม่หยุด จึงทำให้เสียชีวิต เราไม่ได้กล่าวหาใครเพราะเราไม่เห็นเหตุการณ์แต่ร่างกายน้องชายเหมือนทรมานก่อนเสียชีวิต
อาวุธที่น้องชายตนเอาไปแค่มีดอีโต้ เพราะดูจากบาดแผลตามร่างกายน้องตน เป็นรอยถูกแทง เหมือนมีดปลายแหลม และมีภาพพนักงานคนหนึ่งหลังเกิดเหตุเดินถือมีดปลายแหลมอยู่ด้วย เป็นมีดที่ใช้ก่อเหตุด้วยหรือไม่ ส่วนสาเหตุเรื่องทะเลาะกันนั้นตนเป็นพี่สาวไม่ทราบรายละเอียด เพราะน้องไม่เคยเล่าให้ฟัง แต่รู้คร่าวๆ ว่า ทั้งสองคนเคยมีเรื่องขึ้นศาลกันมาแล้วครั้งหนึ่ง
วันเกิดเหตุภายในที่ทำการไปรษณีย์ บริเวณจุดเกิดเหตุมีอยู่ด้วยกัน 3 คน ขณะเกิดเหตุกล้องวงจรปิดจับภาพไม่ได้ เพราะหลุดออกจากมุมกล้อง เห็นเพียงน้องชายถือมีดอีโต้เดินขึ้นไปแค่นั้น ซึ่งการกระทำดังกล่าวตนมองว่าเกินกว่าเหตุ และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนให้ได้ว่ามีคนอื่นร่วมก่อเหตุกระทำน้องชายด้วยหรือไม่
ด้าน พนักงานสอบสวน สภ.มาบอำมฤต เจ้าของคดี เปิดเผยว่าหลังจากสอบปากคำหัวหน้าไปรษณีย์ ให้การว่าผู้ก่อเหตุเอามีดอีโต้ไปฟันเพราะไม่พอใจที่ถูกไล่ออกเมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้ว จึงมีการต่อสู้ตอบโต้กัน และยอมรับว่ากระทำแค่เพียงคนเดียว แต่ทางญาติผู้เสียชีวิตติดใจในเรื่องนี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างสอบสวน แต่เบื้องต้นยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงไปหาบุคคลที่ร่วมกันกระทำความผิด และทราบจากญาติผู้เสียชีวิตว่าเคยรักษาอาการซึมเศร้ามาก่อน ในส่วนอื่นๆ นั้นอยู่ในระหว่างการตรวจสอบ