บีบหัวใจ..พ่อของลูกของ “น้องดอก” ปล่อยโฮในรายการ รักลูกสุดหัวใจ แต่เมียทิ้งไปก็ยอมรับ ได้เจอลูกแค่เดือนละครั้ง ถ่ายคลิปไว้เยอะๆ เอามาโพสต์เวลาคิดถึงลูก

วันนี้ (9 มิ.ย.) รายการ โหนกระแส พูดคุยกับผู้เสียหายรายหนึ่งออกมาเปิดเผยพฤติกรรมของหญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งระบุชื่อสมมติว่า "น้องดอก" โดยกล่าวหาว่าอีกฝ่ายหลอกว่าตั้งครรภ์กับตนเอง ทั้งที่ยังอยู่กินกับชายอีกคน พร้อมพฤติกรรมที่มีลักษณะหลอกลวงเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเงิน

ผู้เสียหายชื่อ คุณแย็ก เป็นสาวข้ามเพศ LGBTQ ที่แต่งงานกับ คุณสอง คุณแย็กเล่าว่า คุณสองเคยคบหาเป็นแฟนกับน้องดอก เมื่อราวๆ ปี 58-59 ก่อนจะเลิกรากันไป แล้วมาคบหากับตนตอนปี 61 และแต่งงานกับตนในปี 62

ตนกับสามีอยู่กันมาแบบปกติสุข จนปี 67 มีผู้หญิงคนหนึ่งทักเฟซบุ๊กมาหาคุณกฤษ ซึ่งคุณแย็กแอบไปเห็นแชต ว่า น้องดอก รายนี้ ทักมาขอเบอร์โทรกฤษ ตอนแรกบอกว่าต้องการจะคุยธุระเรื่องรถ ปรากฏว่าตอนปี 67 นั้นเองที่ น้องดอก บอกกับนายกฤษว่า เธอมีลูกกับนายกฤษ โดยที่นายกฤษไม่รู้ ตอนนี้ลูก 6-7 ขวบแล้ว ทำให้นายกฤษใจอ่อน แล้วยอมกลับไปดูแลลูก ส่งเสียเงินทองให้

หลังจากนั้น คุณแย็ก จับได้ว่า นายกฤษแอบไปเปิดบัญชีธนาคารใหม่ ชื่อเป็นชื่อของน้องดอก ตอนแรกเขาไม่ยอมบอกว่าทำไมถึงทำแบบนี้ จนมานั่งจับเข่าคุยกัน เขาถึงสารภาพว่า เขามีลูกกับน้องดอก ถึงต้องกลับไปรับผิดชอบเด็ก ส่วนตัวเราเป็น LGBTQ มีลูกให้เขาไม่ได้ ก็เลยยอมหลีกทาง จึงมาแบ่งทรัพย์สินกันคนละครึ่ง และเลิกรากันไป ให้นายกฤษกลับไปดูแลลูกที่เกิดกับน้องดอก

หลังจากนั้นไม่นาน นายกฤษทักมาหาคุณแย็ก ขอนัดเจอ มาปรึกษาว่า ในช่วงเวลาประมาณ 3 เดือน น้องดอก ขอเงินนายกฤษเป็นระยะๆ รวมแล้วเกือบ 50,000 บาท โดยน้องดอกอ้างเรื่องเลี้ยงดูลูกทุกครั้ง แต่เมื่อได้เงินแล้วกลับไม่ติดต่อกลับ ทั้งไม่อ่านข้อความและไม่รับสาย

คุณแย็กตัดสินใจกลับเข้ามาเคลียร์เรื่องนี้ให้ โดยแย็กติดต่อไปหาดอก ขอให้ตรวจ DNA เด็กได้ไหม เพราะทางครอบครัวของกฤษอยากรู้ข้อเท็จจริง ซึ่งน้องดอกพยายามบ่ายเบี่ยง และถามคุณแย็กว่า “เสืxกอะไร”

คุณแย็กไปสืบหาความจริงเอง จนเจอว่า ลูกของน้องดอก อายุแค่ประมาณ 4 ขวบ นั่นหมายความว่า เป็นไปไม่ได้เลยว่าจะเกิดกับนายกฤษ เพราะเขาเลิกรากันไป 7-8 ปีแล้ว ไม่ได้มีสัมพันธ์กันเลย จะเป็นลูกของกฤษได้ไง

สุดท้าย ผู้เสียหายตามไปถึงบ้านของน้องดอกในอำเภอราษีไศล จังหวัดศรีสะเกษ และได้พูดคุยกับผู้นำชุมชน รวมถึงชาวบ้านในละแวกดังกล่าว ซึ่งยืนยันว่า "น้องดอก" เคยมีลูกและสามีมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยเป็นพนักงานราชการ ที่ทำงานที่เดียวกันกับน้องดอก ชาวบ้านตรงนั้นรู้กันหมดว่า น้องดอก อยู่กินฉันสามีภรรยากับคนๆ นี้มานานแล้ว ขอสมมติชื่อว่า “นายหนึ่ง”

แต่จริงๆ ระหว่างที่คบหาอยู่กับ นายหนึ่ง จริงๆ คนที่เป็นพ่อของลูกที่แท้จริงคือ “นายศูนย์” ซึ่งมานั่งอยู่ในรายการด้วย นายศูนย์เล่าว่า เขาคบหากับน้องดอกมาตั้งแต่ปี 58-59 เวลาไล่เลี่ยกันกับนายกฤษ ซึ่งเขาบอกว่า น้องดอกตั้งครรภ์ช่วงล็อกดาวน์โควิด ซึ่งตอนที่ท้อง เราบอกให้น้องบอกที่บ้าน บอกพ่อแม่ แต่เขาไม่ยอมบอก สุดท้ายเด็กเกิดมาก่อนกำหนด ภาวะเสี่ยงที่จะไม่รอด น้ำหนักแรกเกิดแค่ 1 กก. แพทย์ช่วยยื้อชีวิตจนน้องรอดมาได้ เรารักลูกมากๆ เงินทองที่หามาได้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีเอามาขายทั้งหมด เพื่อหาเงินมารักษาลูก

แต่ไม่นานหลังจากนั้น น้องดอก บอกว่า อยู่กับเราไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ขอเลิกรากับเรา ไปคบกับนายหนึ่ง ที่เป็นพนักงานราชการ เรารักทั้งเมียทั้งลูก แต่ในเมื่อเขาเลือกจะไปเราก็ต้องยอม โดยมีโพสต์ที่ตนได้โพสต์ไว้ในช่วงเวลานั้น ซึ่งพอพี่หน่วงอ่านออกอากาศ ทำให้คุณหนึ่งปล่อยโฮในรายการ กลั้นไว้ไม่อยู่ หนึ่งในประโยคที่บีบหัวใจที่สุดคือ หนูคือไอดอลของพ่อในการสู้ชีวิต เรื่องยากที่สุดหนูยังผ่านมาได้ พ่อก็จะผ่านไปให้ได้เหมือนกัน

คุณศูนย์ยังบอกอีกว่า ที่ผ่านมา ตนมีโอกาสได้เจอลูกอย่างมากก็เดือนละครั้ง ครั้งไหนที่เขาเมตตาตนสุดๆ ก็คือให้ลูกมาอยู่กับตน 1 คืน ถ้าได้อยู่ด้วยกัน ตนจะอัดคลิปลูกไว้เยอะๆๆๆ แล้วเอาไว้โพสต์ยามคิดถึง

เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ ทำให้คอมเมนต์ในห้องเรียนโหนกระแส แห่คอมเมนต์ด้วยความสงสารจับใจ หัวอกของคนเป็นพ่อมันต้องเจ็บปวดขนาดไหน