จากเหตุการณ์เมียหลวงบุกตามผัวที่รีสอร์ต พบว่าอยู่กับหญิงอื่น จึงลากผู้หญิงออกมาทำร้ายร่างกายจนสาหัส ก่อนจะเสียชีวิตที่ รพ. ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น
(อ่านข่าว : เมียหลวงเจอผัวอยู่กับเมียน้อยที่รีสอร์ต ลากเมียน้อยออกมาทำร้าย ทั้งตบทั้งกระทืบ สุดท้ายเมียน้อยสิ้นใจที่ รพ.)
ล่าสุดวันนี้ ชาย อายุ 58 ปี พร้อมด้วย ชาย อายุ 29 ปี พ่อและสามีของหญิงผู้เสียชีวิต เดินทางมาติดตามความคืบหน้าทางคดีที่ สน.มีนบุรี พร้อมเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ไม่สามารถรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากมันรวดเร็วเกินไป อีกทั้งมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีลางสังหรณ์ เพราะล่าสุดเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ยังได้คุยกับลูกสาวเรื่องการเงินการใช้จ่ายภายในครอบครัว เพราะทราบดีว่าลูกสาวและลูกเขยต้องมีหน้าที่ดูแลลูกของเขา และค่าใช้จ่ายอื่นๆ เนื่องจากบางครั้งลูกสาวไม่พอใช้ ก็มีการหยิบยืมเงินจากตนอยู่เรื่อยมา
ก่อนหน้านี้ลูกสาวเคยทำงานอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง แต่รายได้ไม่เพียงพอ จึงหันมาทำอาชีพพนักงานต้อนรับ (PR) ในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านอ่อนนุช ซึ่งเพิ่งทำได้ไม่นาน
ส่วนความสัมพันธ์ของลูกสาวกับชายอื่น ตนไม่ทราบในรายละเอียด เนื่องจากว่าลูกสาวมีครอบครัวอยู่แล้ว และยังคงรักกันดีอยู่ ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง ตนในฐานะพ่อและเป็นผู้ชายคนหนึ่งก็รับไม่ได้ หากลูกสาวไปแย่งสามีของคนอื่น หรือทำให้ครอบครัวอื่นแตกแยก ตรงนี้ถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง
แต่ต้องแยกระหว่างคดีที่ผู้ก่อเหตุกระทำกับลูกสาวตน มันโหดเหี้ยม เนื่องจากผู้ก่อเหตุตั้งครรภ์ถึง 7 เดือน แต่มีความโหดร้าย มีแรงทำร้ายร่างกายคนอื่นโดยไม่คำนึงถึงลูกภายในครรภ์ของตัวเอง ซึ่งย้ำว่าเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอย่างถึงที่สุด ไม่มีการยอมความ
ด้านสามีของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาติดตามความคืบหน้าทางคดี หลังได้รับคำนัดหมายจากฝ่ายชายให้มาร่วมกันให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่พบตัวฝ่ายชาย พบเพียงกลุ่มญาติของผู้ก่อเหตุ ซึ่งตกใจ เนื่องจากไม่รู้จักกันมาก่อน และมีเพียงสาวประเภทสองที่เป็นเพื่อนของผู้ก่อเหตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์และ ไปพบกันที่ รพ. ได้พูดคุยกับตนว่า ทางฝ่ายชายจะมีการเยียวยาในเรื่องของค่าทำศพ แต่ไม่ทราบในรายละเอียด ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้ก่อเหตุ ทางญาติของผู้ก่อเหตุไม่ได้พูดถึง เพียงแต่ยกมือไหว้สวัสดีทักทายกันเท่านั้น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรุนแรงจนทำให้ภรรยาตนถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เพราะที่ผ่านมาทราบว่าทางภรรยาไปทำงานเป็นสาว PR ได้เพียง 1 เดือน และแต่ละวันก็จะพบลูกค้าผู้ชายเข้ามาติดพัน โดยที่ตนเองก็ไม่ได้นึกเอะใจว่าเป็นชายที่ไปมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันตามที่ปรากฏเป็นข่าว อีกทั้งช่วงเวลาการใช้ชีวิตไม่ตรงกัน ตนทำงานในช่วงกลางวัน ส่วนแฟนสาวทำงานในช่วงกลางคืน
วันเกิดเหตุทราบว่าแฟนสาวออกจากร้านในช่วง 04.00 น. พร้อมเพื่อนร่วมงาน และมีการเรียกรถไปสถานที่แห่งหนึ่ง โดยไม่ทราบว่าไปไหน จนมาทราบเหตุการณ์และพบว่าแฟนสาวมาเจอกับฝ่ายชายในรีสอร์ตที่เกิดเหตุ
ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง และผู้เป็นสามี รับไม่ได้เช่นเดียวกันหากพบว่าชายอื่นมามีความสัมพันธ์กับภรรยา ประกอบกับเขาเองก็เป็นผู้ชายที่มีภรรยาอยู่แล้ว พร้อมตั้งคำถามกลับว่า ถ้าเป็นคุณนักข่าวเจอแบบนี้จะรับได้ไหม ใจก็อยากเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่ก็นึกถึงลูกของตัวเอง รวมถึงนึกถึงผู้หญิงอีกคน (ผู้ก่อเหตุ) ที่มีลูกอยู่ในครรภ์เช่นเดียวกัน
ที่มา : เรื่องเด่นเย็นนี้