จากกรณีเมื่อเวลา 01.50 น.วันที่ 11 ก.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ได้รับแจ้งเหตุ มีชายถูกแทงด้วยอาวุธมีดได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าวงเวียนใหญ่สำนักงานหมู่บ้านสวัสดิการ กทม. ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยป่อเต็กตึ๊งนำตัวส่งโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า
ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าวงเวียนใหญ่สำนักงานหมู่บ้านสวัสดิการ กทม. ต.บางตลาด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พบคราบเลือดกองอยู่บนพื้นหลายจุด ใกล้เคียงพบมีดตกอยู่บริเวณโต๊ะหินจำนวน 1 เล่ม ถัดมาพบรถกระบะคอกจอดอยู่กลางถนน โดยมี น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 39 ปี แม่ผู้ก่อเหตุ และนายโอ (นามมมติ) อายุ 14 ปี ผู้ก่อเหตุ ได้ขับรถออกตามหาลูกสาวที่มาอยู่กับแฟนในหมู่บ้านนี้ แต่เมื่อมาถึง น.ส.เอ ได้มีปากเสียงกับทางครอบครัวแฟนลูกสาว ต่อมามีการทำร้ายร่างกายกัน ทำให้นายโอ หยิบมีดออกมาแทงฝั่งญาติของแฟนพี่สาวได้รับบาดเจ็บ โดยนายโอ อ้างว่าที่แทงไปเพราะป้องกันตัว เนื่องจากแม่โดนรุมทำร้ายร่างกายก่อน
ต่อมา ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านหลังหนึ่ง พบ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 16 ปี พร้อมแฟนหนุ่มชื่อนายซี (นามสมมติ) อายุ 18 ปี และนางสาวดี (นามสมติ) อายุ 36 แม่ของนายซี แฟนหนุ่ม เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว น.ส.บี เปิดเผยว่า ตนกับแม่มีปัญหาทะเลาะกันมาตลอด ตอนที่อาศัยอยู่ด้วยกัน ทางแม่มีการทุบตีเป็นประจำ ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจก็ทุบตี ซึ่งประเด็นหลักที่เป็นสาเหตุที่ทำให้ทะเลาะกันก็คือ ตนออกจากงาน ซึ่งแม่คิดว่าตนติดผู้ชาย โดยปกติแล้วตนทำงานได้เงินมาก็จะส่งเงินให้แม่ใช้ครึ่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากออกจากงานก็ถูกแม่โทรมาต่อว่า เริ่มมีปัญหาหนักเรื่อยๆ เพราะตนไม่มีเงินโอนให้แม่ จึงตัดสินใจเลิกกับแฟนเพราะแม่ แต่ต่อมาตนตั้งท้อง จึงกลับมาพูดคุยกับครอบครัวแฟน และกลับมาคบกันอีกครั้ง
ซึ่งหลังจากกลับมาคบกัน ตนตัดสินใจออกจากบ้านมาอยู่บ้านแฟน เนื่องจากไม่อยากอยู่บ้าน เพราะที่บ้านกดดัน ส่วนสาเหตุก่อนเกิดเหตุ เป็นเพราะตนโทรศัพท์ขอเงินแม่ ทางแม่ก็ได้ถามกลับถึงเงินเดือนตนว่า ทำไมเงินเดือนไม่เข้า ตนจึงเข้าไปตรวจสอบ ปรากฏว่าเงินเดือนตนเข้าประมาณ 680 บาท ทางแม่ก็เหมือนไม่ค่อยพอใจว่าทำไมเงินเดือนเข้าน้อย จึงขอให้ตนส่งรายรับรายจ่ายให้แม่ ตนก็ทำให้ แต่ก็ไม่เป็นที่พอใจ มีการพูดจาโวยวาย จากนั้นแม่แฟนตนก็ได้พูดแทรกเข้ามาว่า อยากให้ตนมีเงินใช้ส่วนตัวบ้าง แม่ตนจึงโมโหพูดจาต่อว่าแม่แฟนหลายเรื่อง
กระทั่งแม่ตนมาถึงในหมู่บ้าน ทางแม่แฟนก็ออกไปแล้วมีเรื่องกัน ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ ตนไม่ได้เดินทางออกไปด้วย เพราะแม่แฟนเป็นห่วงว่าตนกำลังท้องอยู่ กลัวได้รับอันตราย จึงอยู่บ้านกับแฟน หลังจากเกิดเหตุที่ตนทราบว่ามีการแทงกัน ตนรู้สึกตกใจมาก ไม่คิดว่าน้องชายแท้ๆ ของตนจะใช้อาวุธมีดไปแทงคนอื่นได้ ตนมองว่าน้องชายตนทำเกินไป ตอนนี้เรื่องนี้อยู่ระหว่างพูดคุยกันเพราะตนมีลูกในท้องแล้ว คนในครอบครัวก็ต้องคุยกันเรื่องงานหมั้น และก็ต้องดูแลคนเจ็บ ตอนนี้เครียดมาก
ทางด้านแม่ของแฟนหนุ่ม กล่าวว่า ย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่ทางลูกชายตนได้พาแฟนสาวมาบ้าน ตนไม่ได้ให้เข้าบ้าน และได้ถามกับแฟนลูกตนว่า ได้คุยครอบครัวหรือยัง เพราะว่ามาบ้านตน อายุของน้องไม่ถึง 18 ปี หากเข้าบ้านตนมา ตนก็อาจถูกคดีพรากผู้เยาว์ ทางน้องก็บอกว่าคุณแม่อนุญาตให้มา พร้อมยังบอกอีกว่า ทางคุณแม่เป็นคนเดินมาส่งเอง ตนจึงเชื่อใจประกอบไปถึงเห็นว่าทั้งสองคนรักกัน ตนจึงอนุญาตให้เข้ามาอยู่ด้วยกัน ในส่วนของคดี ตนเองจะไม่เอาเรื่องที่ทำให้น้องเขยบาดเจ็บสาหัส และยอมรับหากทางแม่ของลูกสะใภ้จะดำเนินคดีลูกชายตนเองในข้อหาพรากผู้เยาว์ ทั้งนี้มองว่าเรื่องนี้สามารถจบลงได้ เพราะมีการตกลงพูดคุยกันแล้ว
ล่าสุด น.ส.บี อายุ 16 ปี ได้เดินทางเข้ามาหาคุณแม่และน้องชาย โดยน.ส.บี ได้ก้มกราบคุณแม่ โดยสิ่งที่ น.ส.บีต้องการ คือ 1.ขออิสระจากทางแม่ 2.ขอให้แม่ถอนฟ้องไม่เอาผิดแฟนหนุ่ม เรื่องพรากผู้เยาว์ และทำร้ายร่างกาย ในระหว่างที่พูดคุย ทางด้านคุณแม่ได้พูดสอนและตักเตือน มีบางช่วงที่แม่ร่ำไห้และพูดเสียงสั่นเครือ พยายามสอนลูกว่า ที่แม่ตีเพราะลูกหนีเที่ยวและมีเรื่องผู้ชาย ลูกขออิสระ แม่ปล่อยลูกมาตลอดให้ใช้ชีวิตเองเป็นปี แต่พอเกิดเรื่อง ลูกสาวไม่ยอมออกมาหาแม่ ในขณะที่แม่ถูกตบตีอยู่กลางถนน
ซึ่งบางช่วงบางตอนลูกสาวได้กราบเท้าแม่และเข้ากอดแม่ แม่ยอมให้กราบแต่แม่ไม่ขอกอด พร้อมกับร่ำไห้บอกว่า ณ วันนี้ลูกสาวไม่เลือกแม่ แต่เลือกแฟนและครอบครัวของแฟน พร้อมกับให้สื่อมวลชนเป็นพยานว่า ในวันนี้หากไม่มีคำว่าเรา แม่ก็จะไม่มีลูกอีกต่อไป แม่จะให้อิสระกับลูกตลอดไป พร้อมกับให้ลูกดูแลชีวิตตัวเองให้ดี มีปัญหาอะไรให้กลับมาที่บ้าน ขณะนั้นลูกสาวก็ร่ำไห้
พูดคุยกันอยู่พักหนึ่งจึงให้ลูกสาวลุกขึ้น ขณะเดียวกันแฟนหนุ่มของลูกสาวได้เข้ามาพอดี ญาติจึงบอกให้เข้ามาขอโทษกับแม่ ซึ่งแฟนหนุ่มก็เดินเข้ามา ยกมือไหว้ บอกขอโทษ แม่จึงสอนและตักเตือนไปว่า ให้ดูแลกันให้ดี แฟนหนุ่มให้สัญญากับแม่ว่า จะดูแลน้องและลูกให้ดี พร้อมกับกราบเท้าแม่ทั้งคู่ แม่บอกว่า สุดท้ายก็ขอให้ดูแลกันให้ดี ต่อจากนี้มีปัญหาอะไรช่วยเหลือกัน เพราะจะไม่มีแม่ดูแลลูกสาวแล้ว ทั้งนี้แม่บอกอีกว่า ในส่วนของคดีพรากผู้เยาว์แม่ยังไม่ได้พูดถึง แต่ในส่วนที่ทำร้ายร่างกายแม่จนรับบาดเจ็บ แม่ไม่ขอย้อนกลับแล้ว แม่จะเดินหน้าให้ถึงที่สุด