โหนกระแสต่อเนื่องปม "หมอบี" หลังออกมาบอก บริจาคเงินให้ "หลวงพ่อ" ไม่ใช่ "วัด"

รายการโหนกระแสประจำวันนี้ (8 สิงหาคม 2568) ยังคงสานต่อประเด็นร้อนเกี่ยวกับ "หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ" ซึ่งกำลังเผชิญกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องการรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือวัดพระบาทน้ำพุ โดยมี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม และทนายเกิดผล แก้วเกิด ตัวแทนฝ่ายวัด ร่วมพูดคุยในรายการ

ย้อนกลับไปเมื่อวานนี้ หมอบี หรือ นายเสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเอกสารด้านการเงิน เพื่อชี้แจงกรณีที่มีผู้ร้องเรียนว่าอาจมีการยักยอกเงินบริจาควัด ซึ่งใช้เวลาสอบปากคำนานกว่า 4 ชั่วโมง และต่อมาในช่วงดึกเวลาประมาณ 01.00 น. หมอบีเดินทางกลับหลังให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีกกว่า 9 ชั่วโมง โดยกล่าวยืนยันว่าได้ให้ข้อมูลไว้ครบถ้วนแล้วในรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง

พ.ต.อ.เอนก เปิดเผยว่า หมอบีนำเอกสารด้านการเงินมามอบให้ตำรวจด้วยตัวเอง โดยไม่มีการออกหมายเรียกก่อน ถือเป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาที่สามารถเข้าพบตำรวจได้โดยสมัครใจ ทั้งยังยืนยันว่าจะไม่หลบหนีตามที่มีกระแสข่าว

จากการสืบสวนของตำรวจกองปราบปรามตั้งแต่มีผู้ร้องเรียนเมื่อเดือนมีนาคม พบว่าบัญชีที่ใช้รับบริจาคในนามของหมอบีถูกเปิดตั้งแต่ปี 2562 มีการเบิกถอนมากกว่า 100 ครั้ง รวมยอดกว่า 204 ล้านบาท โดยพบรายการถอนเงินบางครั้งสูงถึง 3 ล้านบาท แต่จำนวนที่โอนไปยังบัญชีของวัดกลับไม่ครบถ้วน ถือว่ามีมูลของการกระทำความผิด ซึ่งตำรวจเตรียมเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างตรวจสอบการใช้เงินเพื่อซื้อที่ดินในนามของหมอบี ซึ่งอ้างว่าเป็นสถานปฏิบัติธรรม หากพบว่าเงินที่ใช้เป็นเงินบริจาค อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายอีกด้วย รวมถึงการตรวจสอบบทบาทของเจ้าอาวาสและคณะกรรมการวัดว่ามีส่วนรู้เห็นหรือไม่ โดยจนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดีกับหมอบีแต่อย่างใด

ภายหลังจากสอบปากคำ หมอบีได้โฟนอินไปพูดคุยในรายการ “แฉ” ของคุณมดดำ โดยยืนยันว่าไม่เคยยักยอกเงิน และบัญชีที่เปิดขึ้นนั้นเพื่อให้ “หลวงพ่อ” ใช้จ่าย ไม่ใช่โอนเข้าบัญชีของวัด ไม่ได้บริจาคให้วัด แต่ให้กับตัวหลวงพ่อ ส่วนการปิดบัญชีที่หลวงพ่อร้องขอนั้น ตนเข้าโรงพยาบาลในวันที่ 1 สิงหาคมจึงยังไม่ได้ดำเนินการ

หมอบียังตอบข้อสงสัยเรื่องทรัพย์สินหรูหรา เช่น รถยนต์อัลพาร์ดและบ้านราคาหลายสิบล้าน โดยยืนยันว่าเป็นทรัพย์สินส่วนตัวซึ่งครอบครัวมีอยู่ก่อนแล้ว บ้านเป็นธุรกิจครอบครัวที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างบริษัทรายใหญ่กับซัพพลายเออร์ โดยมีรายได้จากธุรกิจนี้มายาวนานกว่า 50 ปี และไม่เคยเรียกร้องค่าตอบแทนจากวัดแต่อย่างใด

ขณะที่ หลวงพ่ออลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เมื่อวานนี้ก็ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อหน้าสื่อ โดยอธิบายว่าหมอบีเป็นเพียงจิตอาสาที่เข้ามาช่วยงานวัดมานานนับสิบปี เขาอ้างว่า เขามา FC เยอะ หากระดมทุน ทำโครงการต่างๆ ก็มักจะได้ศรัทธาญาติโยมเยอะ เวลาจะทำโครงการอะไร ก็จะมาขออนุญาตก่อน แต่ไม่มีตำแหน่งทางการภายในวัด โดยบัญชี "ใจฟ้าอาทรประชานาถ" ถูกขออนุญาตเปิดขึ้นเมื่อปี 2562 เพื่อนำเงินบริจาคมาถวายวัดในภายหลัง ซึ่งในช่วงแรกมีผู้บริจาคหลักล้านบาท และมียอดเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว

ปัญหาเริ่มเกิดขึ้นเมื่อปรากฏข้อร้องเรียนจากบุคคลใกล้ชิดหมอบีว่าเงินบริจาคถูกเบิกออกมา แต่ไม่ได้นำมามอบให้วัดครบตามยอด เป็นการ “หักทอน” ไว้ก่อน โดยไม่แจ้งวัด เช่น ได้เงินมา 1 ล้าน เขาหักไว้เอง 2 แสน แล้วให้วัด 8 แสน ซึ่งทำให้วัดเริ่มตรวจสอบและตั้งข้อสงสัยอย่างจริงจัง

หลวงพ่อเปิดเผยว่า มีคลิปวิดีโอจากคนใกล้ชิดหมอบีที่แสดงให้เห็นว่ามีการเบิกเงินไปใช้โดยตรงโดยไม่ผ่านวัด พร้อมทั้งยืนยันว่าตนเองทำบัญชีตรวจสอบไว้ทั้งหมด โดยพบว่ายอดบริจาคผ่านบัญชีใจฟ้าฯ ตั้งแต่ปี 2562 สูงถึงหลักร้อยล้านบาท ซึ่งโดยปกติจะมีการถอนเดือนละสองครั้งเพื่อนำเงินไปใช้ในกิจกรรมของวัด

ขณะเดียวกัน หลวงพ่อยอมรับว่าเคยได้รับฟังว่าหมอบีตั้งใจจะสร้างสถานปฏิบัติธรรมที่กลายเป็นบ้านหลังใหญ่ แต่ตนไม่เคยเห็นแปลนบ้านและไม่เคยไปตรวจสอบด้วยตนเอง เนื่องจากมีภารกิจมากมาย อย่างไรก็ตาม หลวงพ่อยังคงรอคำตอบว่าเงินที่ใช้สร้างบ้านหลังดังกล่าวมาจากแหล่งใด

ทางด้านทนายเกิดผล แก้วเกิด ซึ่งเป็นตัวแทนวัด ยืนยันว่า หมอบีได้นำเงินบริจาคไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ และไม่มีสิทธิ์หักเงินแม้แต่บาทเดียวเพื่อนำไปใช้ส่วนตัว แม้ว่าจะอ้างว่าเป็นค่าใช้จ่ายโครงการหรือซื้อของใช้ในกิจกรรมวัด เช่น รถยนต์ก็ตาม ซึ่งหากตรวจสอบพบว่าเงินดังกล่าวมาจากบัญชีรับบริจาค อาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน และหากมีการโพสต์เชิญชวนบริจาคผ่านโซเชียลโดยแอบแฝงเจตนา ยังอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ด้วย

ทนายเกิดผลยังระบุว่า การประชุมของวัดในวันนี้มีมติสำคัญ 4 ข้อ ได้แก่

1. สั่งห้ามหมอบีเข้ามายุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมใด ๆ ของวัดอีกต่อไป และให้ปิดบัญชีที่ไม่ใช่บัญชีของวัด
   
    
2. มีมติให้ดำเนินคดีกับหมอบี โดยอยู่ระหว่างพิจารณาข้อหาและรวบรวมพยานหลักฐาน
   
    
3. สั่งปิดร้านกาแฟของหมอบี และจะตรวจสอบโครงสร้างหุ้นส่วนอย่างละเอียด
   
    
4. ให้ยุติกิจกรรมจิตอาสาทั้งหมดที่หมอบีเคยเสนอร่วมกับวัด จนกว่าคดีจะคลี่คลาย
   
    

ส่วนทรัพย์สินอื่น ๆ เช่น รถยนต์ที่ยังไม่ได้คืนให้วัด ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบที่มาว่าเป็นของส่วนตัวจริงหรือเป็นทรัพย์สินที่จัดหาจากเงินบริจาค หากเป็นกรณีหลังจะต้องพิจารณาตามกฎหมาย

สุดท้าย ทนายเกิดผลได้กล่าวในฐานะลูกศิษย์ของหลวงพ่ออลงกตว่า รู้สึกเป็นห่วงภาพลักษณ์ของหลวงพ่ออย่างยิ่ง เพราะตลอดเวลาท่านทุ่มเทเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน จึงไม่อยากให้คนในสังคมเข้าใจผิดว่าหลวงพ่อมีส่วนรู้เห็น หรือปล่อยปละจนเกิดปัญหานี้ขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมกันปกป้องศักดิ์ศรีของวัดพระบาทน้ำพุและหลวงพ่อจากการกระทำของผู้ที่อาจแอบแฝงเจตนาแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนจากศรัทธาของประชาชน

สิ่งที่ทนายเกิดผล ย้ำก็คือ หลายเรื่อง หลายโครงการที่หมอบีไปท ไปอ้างชื่อวัด อ้างชื่อหลวงพ่อ โดยที่ทำไปก่อน ไม่ได้บอก พอมีกองปราบมาหาหลวงพ่อ ทำให้หลวงพ่อเรียกเขามาถาม เขาถึงไปทำรายงานย้อนหลังมาให้หลวงพ่อดู แล้วให้หลวงพ่อเซ็นรับทราบ ทั้งที่ลักษณะการรวมทุกอย่างมาเป็นปึกๆ แล้วอาศัยจังหวะที่หลวงพ่อท่านยุ่งกับกิจนิมนต์ แล้วฉวยโอกาสให้หลวงพ่อเซ็น โดยไม่มีเวลาอ่าน

ช่วงท้ายรายการ พี่หน่วงเปิดภาพหลักฐานบางอย่างที่ได้มา เป็นภาพ รถคันหนึ่ง ที่จอดอยู่ ฝากคำถามไปถามหมอบีว่า เป็นรถของใคร ที่จอดอยู่หน้าบ้านคุณ เป็นรถที่คุณซื้อให้ใคร แล้วกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง เปิดภาพมาแล้ว เห็นว่า มีการเปิดกระเป๋าเป้แล้วเจอเงินปึกใหญ่อยู่ในเป้ เป็นเงินที่มาจากไหน ฝากไปถามหมอบีด้วย

พี่หน่วงบอกว่า หลักฐานมีเป็นคลิป แต่ในรายการขอเปิดแค่แคปเป็นภาพนิ่งมาก่อนดีกว่า คลิปเต็มจะส่งให้ตำรวจ เพื่อไปตรวจสอบต่อไป

ด้าน แจ็ค เฉลิมพล หรือ แจ็ค แฟนฉัน หนึ่งในพิธีกรรายการ ได้เล่าว่า เมื่อวานนี้เขาได้มีโอกาสสัมภาษณ์หมอบี โดยตั้งใจจะถามในประเด็นที่ว่า หากหมอบีสามารถสื่อวิญญาณได้จริง เหตุใดจึงไม่สามารถสื่อกับตัวเองล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นในชีวิต และในตอนแรกเขายังตั้งใจจะถามกลับไปว่า หากหมอบีไม่ใช่หมอดูตามที่กล่าวอ้าง แล้วใครกันที่เป็นคนตั้งชื่อว่า “หมอบี”

แจ็คยังรู้สึกตกใจ เพราะคนทั่วไปมักเข้าใจว่าหมอบีสามารถสื่อสารกับสิ่งลี้ลับต่างๆ ได้ จากการที่ไปออกรายการหลายรายการ และมักพูดถึงเรื่องเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง แม้เจ้าตัวจะพยายามเล่าเรื่องในลักษณะของนิทาน แต่ผู้ฟังส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่าเขาสื่อสารกับวิญญาณหรือสิ่งเหนือธรรมชาติได้จริง