จากกรณีโลกโซเชียลมีการแชร์คลิป ‘ก้อง ศรัณย์’ อดีตดาราละครทีวี ที่มาเปิดร้านขายส้มตำที่ตลาดรถไฟอุดรธานี เป็นคลิปขณะก้องกำลังไลฟ์ แล้วมีตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี 2 นาย ซึ่งได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ภ.จว.อุดรธานี ว่าร้านส้มตำก้องเปิดเพลงไลฟ์เสียงดัง ตำรวจจึงเข้ามาตักเตือน เนื่องจากมีคนมาร้องเรียนว่า ตี 3 ตี 4 แล้ว ก็ยังร้องเพลงเสียงดัง เป็นการรบกวนชาวบ้าน และอีกฝั่งของถนนก็เป็นโรงพยาบาล
แต่ทางก้องอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา ตำรวจก็พูดอธิบายไม่ทัน จนทางตำรวจต้องบอกให้ก้องหยุดพูดก่อน เพื่อที่จะอธิบายว่าสาเหตุใดตำรวจต้องมา ซึ่งก้องตอบกลับว่า “นี่ก็หยุดแล้วนะ” กระทั่งตำรวจบอกว่า “จะแหกปากทำไม” และให้ปิดร้าน ซึ่งทำให้ก้องถึงกับวีนแตก ตอบโต้ตำรวจว่า “ผมเป็นคนทำมาหากิน” ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะแยกกันไป โดยไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น เหตุเกิดช่วงเวลา 03.00 น. ของวันที่ 14 ต.ค.
คลิปดังกล่าวทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก และมีความเห็นในหลากหลายแง่มุม มุมนึงมองว่าสิ่งที่ปรากฏกับสิ่งที่ก้องพยายามพูดนั้นมันค้านกัน อีกมุมก็มองว่าแม้เจ้าหน้าที่จะทำตามหน้าที่ แต่อาจจะใช้คำรุนแรงไป
ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังหอพักแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลนครอุดรธานี ซึ่งเป็นที่พักของก้อง โดยก้อง เล่าว่า ตอนเกิดเหตุเป็นเวลาประมาณตี 2 กว่า จะปิดเสียงปิดร้านตอนตี 3 กว่า และวันนั้นตนก็เหนื่อยมาก เพราะขายดี ตนก็ร้องเพลงใส่ไมโครโฟน ไลฟ์ แต่ไม่มีเสียงออกลำโพง
จากนั้นก็เห็นรถตำรวจเปิดไฟวาบ ๆ มา ตนก็รู้แล้วว่าเขาต้องมาที่ร้านตนที่เปิดไฟสว่างไสว แต่ตำรวจก็เอาไฟฉายมาส่องหน้าตน เดินเข้ามาด้วยท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตร เข้าใจว่าตำรวจเป็นที่พึ่งของประชาชน ทำเพื่อประชาชน และประชาชนก็ศรัทธา แต่ทำไมถึงมีท่าทางและคำพูดแบบนี้กับประชาชน ซึ่งตนมีปัญหากับตำรวจท่านนี้มาหนัก ๆ แบบนี้ 2 ครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้ตนกำลังไลฟ์พอดี จึงมีการเผยแพร่คลิปไปในโลกโซเชียล ตอนนั้นเกือบตี 3 และตนก็ปิดเครื่องเสียงแล้ว เพราะรู้ว่าสมควรแก่เวลา แล้วก็เป็นไปตามคลิป
อยากเห็นตำรวจเข้ามาด้วยท่าทางเป็นมิตร และใช้วาจาที่สุภาพกว่านี้ โดยการยกมือขึ้นตะเบะ และบอกชื่อ ยศ และตำแหน่ง พร้อมกับบอกสาเหตุที่ได้รับการแจ้งให้มาตรวจสอบที่ร้าน “ให้หยุดใช้เสียงได้ไหมครับ” ด้วยคำสุภาพอ่อนหวาน ตนก็จะไม่เถียงและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะจะทำให้ตนใจอ่อน เนื่องจากตนเป็น LGBTQ+ แต่ก็ยังมีความเป็นผู้ชายอยู่ ก็ยอมทำตาม รับทราบทุกอย่าง
แต่เขาก็ยังมาบอกให้ตนปิดไฟ ปิดทุกอย่าง หรือปิดร้านไม่ให้ขายส้มตำในขณะนั้น ทำให้ตนวีนแตก เพราะความโมโหและเหนื่อย ตนไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงทำกับพ่อค้าส้มตำอย่างตนแบบนี้ ตนทำผิดขนาดนั้นเลยเหรอ ตนเป็นนักโทษเหรอ ถึงออกคำสั่งด้วยท่าทางแบบนี้ ทำให้ตนอารมณ์ขึ้น เพราะตำรวจพูดคำว่า “แหกปากทำไม” แต่ก็ไม่ได้เหมาตำรวจทุกนายทั่วประเทศ เพราะตำรวจมีทั้งดี ไม่ดี ปะปนกันไปในสังคม
เช่นเดียวกันกับประชาชนทั่วไปที่มีทั้งดีและไม่ดี รวมทั้งตนก็ไม่ได้ดี 100% ไม่ได้ว่าตนไม่ผิด ตนก็มีส่วนผิดพลาดต่อเหตุการณ์ครั้งนี้เช่นเดียวกัน เพราะตนเปิดลำโพงร้องเพลง ไลฟ์ขายส้มตำ แต่ก็ทำแบบนี้มาแทบทุกวัน มันเหมือนกับมีคนแกล้งตน พ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดหมั่นไส้ตนหรือเปล่า ที่เรามีกระแสขายดิบขายดีในช่วงนี้หรือเปล่า
ขณะที่ตนไลฟ์ขายส้มตำ และตำรวจก็ยังอยู่ มีคนเข้ามาดู 5,000-6,000 คน และมีคนใจบุญคือ ‘นารา เครปกะเทย’ ที่กำลังโด่งดังในโซเชียล โอนเงินมาเหมาส้มตำที่ร้านตน แจกให้คนกินในงบ 5,000 บาท ต้องขอขอบคุณมาก ๆ เพราะเขาใช้คำว่าลูกสาวกับคุณแม่ ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เพิ่งรู้จักกันในคืนที่เกิดเหตุ เขาก็เข้ามาชม มาคอมเมนต์ แต่ตนเหนื่อยหน่ายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขอว่าให้เป็นวันพรุ่งนี้ได้ไหม
แต่พลังโซเชียลไม่ยอม สักพักก็มีคนแห่มาเต็มร้าน รอรับส้มตำที่นาราโอนเงินมาเหมา เพราะเขารู้นิสัยของก้องอยู่แล้ว ตนตำส้มทะเลแจกน้อง ๆ ลูกค้าไป จำนวน 60 ครก แถมแคบหมู ข้าวเหนียว ไก่ทอด หมูยอ เพิ่มให้อีกด้วย และคาดว่ายอดที่แจกไปมันจะเกิน 5,000 บาท
สุดท้ายนี้ต้องขอโทษตำรวจ 2 นาย ที่ปะทะคารมณ์กันกับตน คราวหน้าหากมาแบบสุภาพและเป็นมิตร ตนก็จะตำส้มตำเลี้ยงให้อิ่มเลย หากตนทำผิดก็จับดำเนินคดีเลย หรือเป็นตำรวจพลัดอื่นก็แล้วแต่ มากินส้มตำที่ร้านตนฟรีได้เลย เพราะตนก็ชอบผู้ชายในเครื่องแบบอยู่ด้วย ถามว่าจะให้ตนงดเปิดเครื่องเสียง งดไลฟ์ ตนบอกเลยว่างดเปิดเพลงร้องไม่ได้ เพราะใจเป็นศิลปินนักร้องอยู่ แต่ก็จะสัญญาว่าจะเบาเสียงลงไม่ให้รบกวนคนอื่น (ระหว่างสัมภาษณ์ ก้องได้โชว์ลูกคอเพลงที่ร้องในไลฟ์ก่อนเกิดเหตุ)
จากนั้น ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยัง สภ.เมืองอุดรธานี พบกับ พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี ซึ่งเปิดเผยในประเด็นดังกล่าวว่า หลังจากรับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชา ได้ว่ากล่าวตักเตือน และอบรมกิริยาคำพูดเวลาที่ออกเหตุพบปะประชาชนแล้ว
วันนั้นเป็นการออกตรวจป้องกันเหตุ และดูแลความสงบเรียบร้อยตามปกติ เพราะได้รับแจ้งเหตุว่ามีการเปิดเพลงเสียงดังในตลาดรถไฟ ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับการร้องเรียนอยู่บ่อยครั้ง และมีกลุ่มวัยรุ่นชอบไปรวมตัวกันเป็นประจำ
ส่วนร้านส้มตำดังกล่าว ทางเราก็เคยไปตักเตือนมาแล้ว 2-3 ครั้ง แต่ก็ยังเปิดเพลงเสียงดังอยู่ เป็นการเปิดเพลง ไลฟ์ เสียงดังรบกวน เพราะอยู่ใกล้โรงพยาบาล มีผู้ป่วยนอนรักษาตัวอยู่ด้วย ทีแรกทางเราก็เข้าไปว่ากล่าวตักเตือนด้วยความสุภาพ
หลังเกิดเหตุขึ้น ตนก็ได้บอกร้อยเวร 20 ทั้ง 4 พลัด หากมีเหตุการณ์เช่นนี้อีก ก็ให้แนะนำด้วยกิริยาและวาจาที่สุภาพ ให้เขางดใช้เครื่องขยายเสียง โดยเฉพาะหลังเที่ยงคืน สถานบริการต่าง ๆ จะปิดและเงียบ หากมีการเปิดเครื่องขยายเสียง มันก็ทำให้มีเสียงดังรบกวนคนอื่น แต่มันไม่ใช่ความผิดร้ายแรงมาก หากมีอีกหรือมีการต่อต้าน ทางเราก็จะแนะนำด้วยเหตุผลของระเบียบกฎหมายต่อไป