เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองหิน จ.เลย ได้รับแจ้งมีเหตุพ่อยิงลูกชายเสียชีวิตที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ที่ 5 ต.ปวนพุ อ.หนองหิน เมื่อรับแจ้งได้รายงานให้ พ.ต.อ.เทอดศักดิ์ บุญโชติ ผกก.ทราบ พร้อมประสานไปยังเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยเดินทางไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นโรงครัวหลังบ้าน พบผู้เสียชีวิตอายุ อายุ 40 ปี ลูกชายเจ้าของบ้าน ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองสั้น เบอร์ 20 เข้าที่ท้ายทอยขวา 1 นัด นั่งคว่ำหน้าหัวทิ่มลงไปในถังขยะพลาสติก ส่วนผู้ก่อเหตุเป็นชายอายุ 61 ปี พ่อของผู้เสียชีวิต หลังก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ตำรวจระดมกำลังติดตามตัว และนำตัวชาย อายุ 37 ปี เพื่อนผู้เสียชีวิตที่เห็นเหตุการณ์ นำตัวไปสอบที่ สภ.หนองหิน
ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากญาติผู้ต้องหาขอเข้ามอบตัว ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุยิงลูกชายจริง นำตัวไปชี้ที่ซ่อนอาวุธปืนลูกซองที่ใช้ก่อเหตุ ซ่อนอยู่บนตุ้มน้ำห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 50 เมตร แล้วไปที่เกิดเหตุทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยผู้ต้องหาเล่าว่า ลูกชายชอบเสพยาบ้าและดื่มเหล้าเป็นประจำ เมาและหลอนยาบ้าทีไรจะทำร้ายพ่อแม่
วันที่ 2 พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ทะเลาะกันตนหนีไปนอนที่เถียงนา จนเช้ามาที่บ้านมาเอาปืนลูกซองสั้นเบอร์ 20 ของลูกชายที่ซ่อนอยู่ใต้ที่นอน พร้อมกระสุนปืน 3 นัด ไปที่เถียงนาและทดลองยิงไป 1 นัด จนช่วงเย็นกลับมาบ้าน ชายอายุ 37 ปี เพื่อนของลูกชายที่นั่งดื่มเหล้ากับลูกชาย ยกเหล้าขาวให้กินไป 2-3 เป็ก จากนั้นก็เดินออกไปโดยไม่ได้คุยกับลูกชาย
จากนั้นก็เดินถือปืนลูกซองเข้าที่ด้านข้างของลูกชาย จ่อยิงเผาขนที่ท้ายทอยขวา จนลูกชายฟุบหัวทิ่มลงถังขยะพลาสติก จากนั้นก็ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไปบ้านที่ อ.นาด้วง จ.เลย แต่แม่โทรมาขอให้มอบตัว จึงตัดสินใจมอบตัว รู้สึกผิดที่ยิงลูกชาย แต่มันสุดจะทนแล้ว
ภรรยาผู้ต้องหา เล่าว่า ลูกชายมีอาชีพขายลอตเตอรี่ต่างจังหวัด งวดนี้ไม่ได้ไปขายอยู่แต่บ้าน ลูกชายชอบดื่มเหล้าและเสพยา เมื่อไหร่ที่ดื่มเหล้าและเสพยาก็จะมีปากเสียงกับพ่อ และจะทำร้ายพ่อและแม่ ซึ่งแม่โดนตีจนร่างกายแขนขาซ้ำมาหลายรอบแล้ว พ่ออดทนมาตลอด จนมาครั้งนี้ทนไม่ไหว เลยก่อเหตุยิงลูกชายตัวเองจนเสียชีวิต
เพื่อนผู้เสียชีวิตเล่าว่า ตนนั่งดื่มเหล้ากับผู้เสียชีวิตที่หลังบ้าน ตั้งแต่ช่วงเย็น จู่ ๆ เห็นพ่อผู้เสียชีวิตเดินเข้ามาตรงลูกชายนั่ง แล้วจ่อยิงที่ท้ายทอย 1 นัด จนเพื่อนล้มลงเสียชีวิต ตนรีบเดินกลับบ้าน เพราะกลัวว่าจะมีความผิด และไม่ได้แตะต้องสิ่งของในที่เกิดเหตุ และไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้