จากกรณีเด็กหญิงเอ (นามสมมติ) อายุ 12 ปี เด็กนักเรียนชั้น ป.6 ถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการอาเจียน ไม่มีแรงและหายใจเหนื่อยหอบ กระทั่งต่อมาแพทย์ระบุว่า เด็กปอดหายไปเกือบทั้งหมด เนื่องจากสูบบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งจากการซักประวัติ ทราบว่าสูบมาตั้งแต่ชั้น ป.4 หรืออายุ 10 ขวบ เท่ากับเด็กสูบบุหรี่ไฟฟ้ามาแล้วประมาณ 2 ปี
ต่อมา พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง รองผบก.ภ.จว.บุรีรัมย์ เร่งติดตามแหล่งที่มาของการลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำกระท่อม
ทำการสืบสวนจนทราบว่า แหล่งที่จำหน่ายน้ำกระท่อมและบุหรี่ไฟฟ้า จำหน่ายอยู่ที่หน้าโรงเรียนของเด็กนักเรียนที่ป่วย จนนำมาสู่การตรวจค้นและจับกุมหญิง อายุ 84 ปี และชาย อายุ 27 ปี หลานชาย พร้อมของกลางบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 3 เครื่อง น้ำต้มใบกระท่อมปรุงรสชาติ จำนวน 41 ขวด ยาแก้ไอจำนวน 2 ขวด และอาวุธปืนแก๊สแบบไทยประดิษฐ์อีกจำนวน 1 กระบอก
โดยทั้งสองรับสารภาพว่า มาเช่าห้องเพื่อขายน้ำกระท่อมและบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กนักเรียนและวัยรุ่นในหมู่บ้านนี้จริง โดยไม่เลือกอายุ โดยสั่งบุหรี่ไฟฟ้ามาทางอินเตอร์เน็ตแล้วเอาไปโพสต์ขายในกลุ่มลับจนวัยรุ่นในแถบนี้รู้จักกันดี
ผู้สื่อข่าวสอบถามชาวบ้านและวัยรุ่นในหมู่บ้านทราบว่า บริเวณหน้าโรงเรียนมีคนมาเปิดร้านขายน้ำกระท่อมและบุหรี่ไฟฟ้ามานานกว่า 2 ปีแล้ว มีทั้งวัยรุ่นและนักเรียนในโรงเรียนมาซื้อกันเป็นประจำ
ทั้งนี้ชาวบ้านในหมู่บ้านหลายคนยังงงว่า มีร้านขายน้ำกระท่อมและบุหรี่ไฟฟ้ามาเปิดในพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณหน้าโรงเรียน ชาวบ้านรู้กันหมดแต่ทำไมครูในโรงเรียนไม่รู้
โดยผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ร.ต.อ.มานิตย์ ศิริเวช รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.สตึก ได้ตั้งข้อหา โดยกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายน้ำต้มใบกระท่อมซึ่งเป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า ขาย , ขายยาแผนปัจจุบันโดยไม่ได้รับอนุญาต , จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต