ในรายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกับคุณคาร่า สาวที่อ้างว่าถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายตอนตั้งท้อง เล่าว่า รู้จักผู้ชายคนนี้ ผ่านทาง TikTok เพราะเราเป็นคนที่ชอบถ่ายรูปกระเป๋าลงในโซเชียล ฝ่ายชายเข้าใจผิดว่าเราเป็นแม่ค้ากระเป๋า ทักมาขอซื้อ แต่พอเราบอกว่าไม่ใช่ จากนั้นก็เลยได้คุยกันเรื่อยมา เห็นจากในรปเขาก็ดูดี คุยกันหลายเรื่องต่อเนื่องมา 2-3 ปี จนกระทั่ง เมษายนปี 2567 ฝ่ายชายขอเราเป็นแฟน ตกลงเป็นแฟนกัน
โดยที่ตนยังอยู่ฮ่องกง เขาอยู่ไทย ช่วงเวลาที่มีสัมพันธ์ระยะไกลกัน เราส่งของให้เขาตลอด ทั้งเสื้อผ้าแบรนด์เนม น้ำหอม เราเรียนทำขนม เราก็ทำขนมส่งให้เขาจากฮ่องกง ส่งไปให้เขาที่ไทย ให้เขาไปแบ่งเพื่อนที่ทำงานด้วย แต่เคยวิดีโอคอลหากันแค่ครั้งเดียว ได้เห็นหน้ากันผ่านวิดีโอคอล ตอนที่คอลมาฝ่ายชายอยู่ในร้านเหล้า ตอนนั้นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ได้เห็นหน้าตัวจริงกันและกัน ก่อนจะได้เจอตัวจริง
ตอนที่มีความรักระยะไกล เรายังต้องอยู่ที่ฮ่องกงต่ออีกสักพัก เพราะเราป่วยไทรอยด์เป็นพิษ เราบอกเขาว่าเราต้องใช้เงินรักษาตัว ฝ่ายชายก็จะโอนเงินมาให้เราทันที บอกว่าอยากทำศัลยกรรมตา เขาก็โอนให้ โอนให้หลายต่อหลายครั้ง จนรวมๆ น่าจะสามแสนกว่าบาทได้ โดยฝ่ายชายจะโอนเงินเข้าบัญชีคุณย่าเรา หรือแม่เรา เพราะทั้งสองท่านมีบัญชีไทย แต่เราไม่มีบัญชี คุณย่าคุณแม่จะกดเงินสดมาให้เรา ส่วนตัวเราก็จะโอนเงินให้เขาบ้าง ถ้าเขาบอกว่าอยากไปดื่ม ไปกินอะไร เราจะโอนให้เขาผ่านทาง Alipay Wallet ถามว่าแล้วเราทำงานเป็นแม่ค้า ขายของออนไลน์ ทำไมถึงไม่มีบัญชีธนาคาร ก็ต้องบอกว่า เราไม่มีเหตุจำเป็นต้องใช้ เพราะการขายของ ลูกค้าเขาจะโอนเข้าบัญชีของร้านค้า เราก็ได้เงินเดือน ได้เงินส่วนแบ่งจากทางร้านอีกที ส่วนใช้จ่ายเงินต่างๆ เราก็ใช้จ่ายผ่านวอลเลตแอป อยู่แล้ว
หลังจากรักษาไทรอยด์อยู่ 3 เดือน เราตัดสินใจกลับไทย เมื่อ ก.ค. 67 โดยตกลงว่าจะมาใช้ชีวิตร่วมกัน ตอนที่ได้เจอหน้ากันครั้งแรกที่คอนโดของเรา เขาทักว่าเราอ้วนขึ้นนะ ไม่สวยเหมือนเดิม เราก็บอกว่า เราน้ำหนักขึ้น 27 กิโล เพราะเราป่วยไทรอยด์ เราถามว่าเขารับได้ไหม ถ้ารับไม่ได้ก็ให้เขากลับได้เลยนะ ฝ่ายชายเขาก็ดึงเราไปกอด บอกว่าเดี๋ยวค่อยมาลดน้ำหนักกัน ไม่เป็นไร แล้วคืนนั้นผู้ชายก็ขอนอนที่ห้องเรา จากนั้นก็ใช้ชีวิตด้วยกันเรื่อยมา
หลังจากนั้นก็ใช้ชีวิตด้วยกัน โดยฝ่ายชายมาอยู่ด้วย 4 วันต่อสัปดาห์ ช่วงสุดสัปดาห์เขาก็บอกว่าต้องกลับไปอยู่บ้าน เราใช้ชีวิตด้วยกันแบบปกติมากๆ เหมือนสามีภรรยาที่ดีต่อกัน เราไม่รู้เลยว่า เขานอกใจเรามาตลอด โดยช่วง ก.ย. 67 เขาเปลี่ยนไป ไม่ค่อยมาหา ไม่ค่อยมาอยู่ด้วย ทำตัวห่างเหิน บอกว่าเครียดเรื่องงานเรื่องเงิน จนไม่นาน เขาก็บอกเลิกเรา บอกว่าความรู้สึกไม่เหมือนเดิมแล้ว เราไปคุยไปเคลียร์ ไปขอโอกาสเขา ขอยื้อเขา แล้วก็ยังพยายามจะปรับตัวเข้าหากันต่อ โดยเรื่องที่ทะเลาะกันส่วนใหญ่คือ ฝ่ายชายติดเที่ยว ชอบออกไปเที่ยว ไปร้านเหล้าแทบทุกคืน
จนกระทั่งเราเริ่มรู้ตัวว่าตั้งท้อง ตอนที่บอกเขา เขาก็บอกว่าเช็กให้ดีนะ ว่าใช่หรือเปล่า เพราะเขานอนกับผู้หญิงมาหลายคน ก็ไม่เคยมีใครท้อง แต่สุดท้ายเราก็ท้องจริงๆ แต่ฝ่ายชายบอกว่า ความรู้สึกเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว ไม่อยากจะมารับผิดชอบ เราทำข้อตกลงกันหลายเรื่อง เขาบอกว่าจะให้ปู่ย่า(พ่อแม่ของฝ่ายชาย) เลี้ยงลูก ส่วนเราจะกลับฮ่องกง ส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการเลี้ยงดูลูก ต้องหารกันคนละครึ่ง แต่ตลอดเวลาที่เราตั้งครรภ์ ฝ่ายชายไม่เคยมาดูแล และเวลาเมาก็จะชอบพูดว่า กูไม่อยากให้เด็กคนนี้เกิดมาเลย มึงเก็บเด็กไว้เองนะ อะไรแบบนี้ แม้แต่ตอนที่เราไปคลอด พยายามโทรหาฝ่ายชายเป็น 50-100 สาย เขาก็ไม่รับ ติดต่อไม่ได้ จนเราต้องไปคลอดลูกคนเดียวลำพัง
ตลอดช่วงที่เราตั้งท้อง เขาจะโอนเงินให้เรายากมาก อ้างแต่ว่าติดลบ ไม่มีเงิน โอนให้หลักร้อย หลัก 1-2 พันบาท โดยตอนที่มาอยู่ไทย คุณย่าให้บัญชีเรามาใช้ โดยให้ ATM กับ ให้แอปไทยพาณิชย์เรามาใช้ แต่เมื่อถามว่า แล้วเวลาต้องทำธุรกรรมที่เกิน 50,000 บาทจะทำยังไง ในเมื่อต้องสแกนหน้า แต่ว่าคุณคาร่าบอกว่าไม่เคยเกิน ดร.หมวยถามย้ำว่า แล้วค่าคลอดไม่เกินเหรอ เห็นว่าฝากท้องที่ รพ.เอกชน คุณคาร่าบอกว่า ถ้าเกินก็ใช้ ATM หรือไม่ก็โอนให้เพื่อน ให้เพื่อนกดให้ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เราฝากครรภ์ ต้องไปตรวจ ต้องไปหาหมอ เคยไปกราบขอร้องเขา เขาก็ไม่เคยไป ให้เหตุผลว่า ไม่อยากไป
ส่วนเหตุการณ์ที่เผยแพร่ในโลกออนไลน์ วงจรปิดคอนโด ที่เห็นว่าเราถูกทำร้ายตอนที่ตั้งครรภ์ 5 เดือน เมื่อ 17 ม.ค. 68 เราไปขอร้องให้เขาไปตรวจครรภ์กับเรา ไปยืนรอที่ชั้น 7 อยู่หลายชั่วโมง เอาจดหมายสอดใต้ประตูห้องเขา ขอให้เขาไปกับเราได้ไหม รออยู่นานจนเตรียมจะกลับแล้ว ลิฟต์เปิดเขาออกมา ก็เลยได้คุยกัน ตอนแรกก็ยังคุยกันดีๆ แต่พอเราพูดเรื่องตรวจท้อง เขาก็เริ่มโมโห พูดจาไม่ดี แล้วพอเราเปลี่ยนเรื่อง ว่าเราเห็นเขาพาผู้หญิงอื่นเข้าห้อง เนื่องจากจับได้ว่าฝ่ายชายแอบมีคนอื่น เขาก็เข้ามายื้อแย่งมือถือ จนเกิดเป็นภาพที่เห็น ว่าเราถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกายกลางทางเดินคอนโด
แต่ระหว่างที่คุณคาร่าเล่าอยู่นั้น คุณเอ ฝ่ายชาย ขอโฟนอินด่วนเข้ามาในรายการ โดยบอกว่า สิ่งที่คุณคาร่าเล่าไม่จริงเลย และผู้หญิงคนนี้เอารูป เอาข้อมูลของคนอื่นมาหลอกลวงตน โดยคุณเอได้เตรียมภาพ เตรียมหลักฐานทุกอย่างมา ส่งให้ทีมงานเอาขึ้นจอ และบอกว่า คุณคาร่าหลอกลวงมาตลอด ตั้งแต่ช่วงที่ยังไม่เคยเจอหน้ากัน โดยคุณเอเอารูปที่คุณคาร่าใช้ใน TikTok เป็นภาพผู้หญิงสุดสวย หุ่นดี ถามว่า ถ้าคุยกับผู้หญิงสวยขนาดนี้ ผมจะไม่อยากวิดีโอคอลกับเขาเหรอ ทำไมเขาถึงยอมให้วิดีโอคอลแค่ครั้งเดียว แถมครั้งเดียวนั้น เอาหันกล้องไปทางอื่น
ส่วนทางบัญชีที่เขาอ้างว่า เป็นบัญชีคุณย่าเขา ที่เขาบอกว่า เขาไม่มีบัญชีไทย คุณเป็นที่มีบัญชีไทย ไปตรวจสอบมาเจอว่าบัญชีนี้เพิ่งจะเปิดเมื่อกลางปีที่แล้ว เปิดที่นนทบุรี แล้วเงินที่เราโอนให้เขาบ่อยๆ เขาบอกว่า เขากำลังจะขายที่ดิน ถ้าขายได้จะคืนให้ เราก็โอนเงินให้เขา สำรองให้เขาไปก่อน เขาบอกว่าถ้าขายที่ได้ จะคืนเงินให้
เมื่อถามว่า คุณเอหวัง เป็นอาหวังในตัวเขาหรือเปล่า เราก็ถูกตั้งประเด็นนี้มาตลอด แต่อยากจะบอกว่า คุณคาร่าเคยเสนอเงินให้ 1 ล้านบาท ไม่รู้จะเสนอให้ทำไม เหมือนจะซื้อใจตนหรือเปล่า แต่ตนไม่ขอรับเงินก้อนนั้น เรามีหลักฐานในแชตเก็บไว้หมด เขาไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร