ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อบัญชี สุรีย์ กอล์ฟ ละอองสินธ์ ได้โพสต์ข้อความพร้อมคลิปวิดีโอ ระบุว่า เวลา 20.00 น. วันที่ 19 พฤษภาคม ขณะเดินทางผ่านถนนสายภาชี–อุทัย จ.พระนครศรีอยุธยา พบหญิงวัยประมาณ 30–35 ปี อุ้มลูกน้อยวัยราว 1 ขวบ และมีลูกชายอีกคนอายุราว 3 ขวบ เดินอยู่ริมถนน ท่ามกลางความมืด ด้วยความสงสารจึงตัดสินใจจอดรถพูดคุย และทราบว่าหญิงคนดังกล่าวต้องการเดินทางกลับบ้านที่ อ.น้ำพอง จ.นครราชสีมา โดยไม่มีเงินติดตัว
พลเมืองดีรายนี้จึงพาหญิงสาวและลูกๆ ไปส่งที่สถานีรถไฟชุมทางภาชี พร้อมออกค่าตั๋วรถไฟให้ รวมถึงซื้ออาหาร-น้ำดื่ม และมอบเงินติดตัวให้เพิ่มเติม รวมกว่า 600 บาท แต่หลังจากส่งตัวเรียบร้อยแล้ว กลับไม่สามารถติดต่อหญิรายนี้ได้อีก จึงเกิดความกังวลว่าเด็กอาจตกอยู่ในอันตราย จึงนำเรื่องราวมาโพสต์บนโซเชียลเพื่อให้คนช่วยติดตาม
ภายหลังจากที่โพสต์คลิปและข้อความไป มีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า หญิงคนดังกล่าวจะมีพฤติกรรมอุ้มเด็กและจูงเด็ก เดินตามท้องถนนและสถานที่ต่างๆ แล้วอ้างว่าถูกสามีทำร้าย ต้องการเดินทางกลับบ้านที่ จ.นครราชสีมา อาศัยความสงสารจากผู้ใจบุญ ขอความช่วยเหลือทั้งเงินและอาหาร ก่อนพบว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นกลลวงที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายพื้นที่ เช่น สระบุรี, อ่างทอง, วังน้อย, บางปะอิน, อุทัย และภาชี บางคนยืนยันว่าเคยช่วยเหลือมาก่อนในลักษณะเดียวกัน ทำให้เกิดความสงสัยว่าหญิงคนดังกล่าวอาจใช้ลูกเป็นเครื่องมือหลอกขอเงินคนใจบุญ
ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ ‘นายนรินทร์’ อายุ 34 ปี พลเมืองดีที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้กับผู้สื่อข่าว เผยว่า ตอนนั้นเห็นเด็กตัวเล็กๆ เดินอยู่ริมถนน ก็มืดแล้ว กลัวเขาจะโดนรถชนหรือได้รับอันตราย ด้วยความสงสารก็เลยพาไปส่งถึงสถานี ซื้อตั๋วให้ ซื้อข้าวให้อีก ตอนนั้นเงินสดที่มีอยู่ก็ให้เขาไปจนหมด ยังรู้สึกดีใจที่ได้ช่วย แต่พอรู้ว่าถูกหลอกก็รู้สึกเสียใจมาก ตนไม่ได้มีเงินมากมาย แต่อยากช่วยด้วยใจจริง
สุดท้าย นายนรินทร์ ฝากถึงหญิงรายดังกล่าวว่า อย่านำลูกมาใช้เป็นเครื่องมือเพื่อขอเงินอีกเลย เด็กไม่ควรต้องมาเจอแบบนี้ และคนใจดีที่อยากช่วยเหลือก็ไม่ควรต้องมาถูกหลอกแบบนี้อีก
ขอฝากเตือนภัยผู้ที่พบเห็นหญิงลักษณะดังกล่าว ควรใช้วิจารณญาณก่อนตัดสินใจช่วยเหลือ หรือแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป