น.ส.วิไลลักษณ์ หรือ ซ้อลักษณ์ ผู้เสียหาย นำหลักฐานมามอบให้กับ ตัวแทนของ มูลนิธิ ทนายรณณรงค์ หลังถูกแฉว่ามีการซื้อขายวุฒิการศึกษา โดยก่อนจะให้สัมภาษณ์ ซ้อลักษณ์ จุดธูปสาบานต่อพ่อปู่พญานาค และสาบานว่า “ข้าพเจ้า น.ส.วิไลลักษณ์ ขอสาบานตนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าพเจ้าพูดออกมาเป็นเรื่องจริง ทุกสิ่ง ทุกอย่าง ทุกประการ หากไม่เป็นความจริง ขอให้ข้าพเจ้ามีอันเป็นไป ภายใน 3 วัน 7 วัน”
ตนยอมรับว่ามีการซื้อวุฒิการศึกษาจริง จุดเริ่มต้นคือตนมารู้จักกับประธานมูลนิธิคนนี้ ตอนที่อดีตสามีทำร้ายร่างกาย แล้วตนหวังพึ่งพาเขา เพราะตนถูกกระทำ ซึ่งตอนนั้นตนไม่มีใครเลย นอกจากเขาที่ตนไว้ใจมาก เขาพูดอะไรก็เชื่อหมด บอกว่ามีรู้จักผู้ใหญ่มากมาย สร้างความน่าเชื่อถือ
ก่อนที่ตนจะร่วมสร้างมูลนิธิด้วยกัน ตนได้ลงพื้นที่ช่วยเหลือสังคมในบางกรณีและในระหว่างนั้นอีกฝ่ายบอกว่า หากอยากทำงานในวุฒิสภา ก็ควรจะมีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี เนื่องจากว่าตนจบเพียงแค่ ม.6 เท่านั้น โดยอีกฝ่ายบอกว่า สามารถหาวุฒิการศึกษาได้
“ขณะนั้นเราได้แย้งไปว่า มันผิดกฎหมาย แต่อีกฝ่ายบอกว่า ไม่ต้องกลัว เพราะรู้จักผู้ใหญ่ในมหาวิทยาลัยและรัฐสภาเยอะ รับรองว่าไม่มีปัญหา อีกฝ่ายยืนยันหนักแน่นจนเชื่อ ประกอบกับอีกฝ่ายได้ส่งหลักฐานพวกวุฒิการศึกษาของท่านอื่น และบัตรตำแหน่งใหญ่โตในรัฐสภามาให้ พร้อมกับบอกว่า ราคาถูกมาก และอ้างอีกว่า เห็นไหมว่าเรื่องแชร์ ยังเงียบเลย เราจึงคิดว่า เขาเส้นใหญ่จริง เลยหลงเชื่อ
น.ส.วิไลลักษณ์ กล่าวต่อว่า ตนโอนเงินไป 4 ครั้ง รวมแล้ว กว่า 2 แสนบาท โอนครั้งที่ 1 จำนวน 50,000 บาท , ครั้งที่ 2 จำนวน 50,000 บาท , ครั้งที่ 3 จำนวน 99,500 บาท , โอนเข้าบัญชีคุณเกษียณ ซึ่งตนได้ถามเขาว่าบุคคลท่านนี้คือใคร อีกฝ่ายบอกว่าเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัย จึงได้หลงเชื่อ ส่วนโอนครั้งสุดท้าย จำนาน 1,500 บาท และ โอนเข้าบัญชีของประธานมูลนิธิ
สำหรับหลักฐานที่ตนนำมามอบให้นั้น ก็เป็นแชตสนทนาพูดคุยกัน แต่ว่าอีกฝ่ายอ้างว่าตนปลอมไลน์ขึ้นมา แต่ยืนยันว่าหลักฐานมีให้นั้น คือไลน์ของประธานคนนี้จริง ๆ เพียงแค่มีสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปก็แค่รูปโปรไฟล์เท่านั้น
ทั้งนี้ ตั้งแต่ที่จ่ายเงินตนก็ไม่ได้ไปที่มหาลัยหรือเซ็นเอกสาร เพื่อไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัยเลย และมาทราบทีหลัง ช่วงที่มีปัญหาแล้วว่าชื่อตัวเองอยู่ในมหาวิทยาลัย
ส่วนเรื่องวุฒิการศึกษา ตนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ตอนนั้นอีกฝ่ายแอบอ้างผู้ใหญ่เยอะก็ทำให้คล้อยตาม ส่วนเรื่องการถูกดำเนินคดีหรือไม่นั้น ก็เคารพขั้นตอนตามกฎหมาย อย่างน้อยการที่ได้ออกมาบอกวันนี้ ก็เป็นเสียงเล็กๆที่สามารถทำอะไรได้บ้าง และอยากฝากบอกอีกฝ่ายว่าอย่าทำแบบนี้กับใครอีก พร้อมทั้งขอโทษจริง ๆ
ยืนยันว่าที่ออกมาพูดเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับประเด็นที่คนอื่นซื้อวุฒิการศึกษาถูกกว่าตน เมื่อตนซื้อแพงกว่าก็เลยออกมาพูด ยอมรับว่ามีส่วนที่ทำให้ไม่สบายใจนิดหน่อย แต่ที่ออกมาพูด คือตนมองว่าไม่ถูกต้อง
ขณะที่ นายชาญชัย ทนายความ กล่าวว่า ในเรื่องของกฎหมาย น.ส.วิไลลักษณ์ สามารถเอาเรื่องทางคดีได้ เนื่องจากเข้าข่ายคดีฉ้อโกง เพราะอาจารย์ได้ให้ข้อมูลว่า ถ้าจ่ายเงินซื้อวุฒิแล้ว จะได้ใบวุฒิ ภายใน 4 เดือน แต่ไม่เป็นไปตามที่ตกลง ยืดเยื้อมานานกว่า 6 เดือน
ถ้าถามว่าในเรื่องนี้ น.ส.วิไลลักษณ์ จะมีความผิดด้วยหรือไม่ ทนาย กล่าวว่า ตอนนี้ น.ส.วิไลลักษณ์ ยังเป็นผู้เสียหายอยู่ เนื่องจากยังไม่ได้รับใบวุฒิการศึกษามาใช้ แต่ถ้าหากได้รับใบวุฒิและนำไปใช้ ถึงจะมีความผิดด้วย