ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.เมืองอุดรธานี อาสาสมัครอัยการ จ.อุดรธานี ได้นำเด็กหญิง อายุ 14 ปี ชาว อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี เข้าพักรอการรับตัวจากบ้านพักเด็กและครอบครัว หลังน้องหนีออกจากบ้านที่ อ.บ้านผือ และร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ หลังจากถูกพ่อแท้ๆ อายุ 40 ปี ล่วงละเมิดทางเพศมากว่า 7 ปี
เด็กหญิงเล่าว่า ที่ตัดสินใจหนีออกจากบ้านครั้งนี้ เนื่องจากถูกพ่อแท้ๆ อายุ 40 ปีล่วงละเมิดทางเพศ กระทำอนาจารและถูกดุด่าจนทนไม่ไหว ก่อนหน้านี้ตนอาศัยอยู่กับปู่ย่าที่ อ.บ้านผือ ส่วนพ่ออยู่บ้านอีกหลังหนึ่ง แม่ทำงานที่ จ.ชลบุรีแต่เลิกรากับพ่อไปแล้ว ซึ่งพ่อได้ล่วงละเมิดทางเพศตนตั้งแต่อยู่ป.1 จนถึงตอนนี้เป็นเวลากว่า 7 ปี มิหนำซ้ำเพื่อนพ่อก็เข้ามาล่วงละเมิดทางเพศตนด้วย แม้น้องชายเองก็เคยถูกลวนลามเช่นกัน ซึ่งเรื่องที่ตนถูกพ่อกระทำตนเก็บความทุกข์ใจมานานกว่า 7 ปี
เด็กหญิง ยอมรับว่าที่ไม่เคยบอกใคร เพราะญาติส่วนใหญ่เข้าข้างพ่อ ทำให้ต้องเก็บความคับแค้นไว้คนเดียวมาตลอด ทำให้เครียดส่งผลกระทบต่อการเรียนและสภาพจิตใจอย่างหนัก ปัจจุบันเมื่อหนีออกมาได้ ความต้องการคืออยากไปอยู่กับแม่หรือยาย ตนจะไม่กลับไปหาพ่ออีกแล้วถ้ากลับไปก็เจอเหมือนเดิมอีก ออกมาครั้งนี้เหมือนหลุดจากขุมนรกแล้ว
ด้านเจ้าหน้าที่อาสาสมัครอัยการ เล่าว่า ตนรับงานขับรถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน ค่ำวานนี้ ( 12 ธ.ค.68) ได้มีลูกค้าเรียกรถให้ไปรับที่แยกรังษิณาและให้ไปส่งที่สถานีขนส่ง เมื่อไปถึงน้องผู้หญิงก็ขึ้นนั่งจากนั้นก็สังเกตเห็นอาการผิดปกติ โดยน้องร้องไห้ระหว่างอยู่บนรถ จึงสอบถามและแจ้งตัวว่าเป็นอาสาสมัครอัยการ ซึ่งสามารถให้คำแนะนำได้ น้องจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่าถูกพ่อแท้ๆ ล่วงละเมิดทางเพศมานาน
หลังทราบเหตุ ได้โทรรายงานสำนักงานอัยการจังหวัดเพื่อขอคำแนะนำ และได้รับการประสานให้พาเด็กมาที่ สภ.เมืองอุดรธานี พร้อมแจ้งเพจเฮียเปี๊ยกช่วยด้วยให้ช่วยประสานบ้านพักเด็กและครอบครัวมารับตัวเข้าสู่กระบวนการคุ้มครอง เนื่องจากเรื่องเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของเด็กและเป็นคดีอ่อนไหวที่ไม่ควรมองข้าม
ในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดอุดรธานีได้เดินทางมาลงบันทึกประจำวัน และรับตัวเด็กหญิงไปดูแลชั่วคราว โดยจะพาไปตรวจร่างกายประกอบการดำเนินคดีกับพ่อแท้ๆ ที่ล่วงละเมิดทางเพศลูกสาวตัวเอง พร้อมกับประสานญาติ เพื่อนำเด็กเข้าสู่การดูแลที่เหมาะสมต่อไป