จากกรณีเด็กหญิง 3 ขวบ จมน้ำเสียชีวิตในสระน้ำกลางทุ่งนาห่างจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านค้อ ตำบลคอนกาม อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ เป็นระยะที่ไกลเกินกว่าเด็กวัยนี้จะสามารถเดินไปถึงและเสียชีวิตได้ เพราะเส้นทางลำบาก ซึ่งทางพ่อ แม่ ญาติพี่น้องติดใจการเสียชีวิตในหลายประเด็น
ล่าสุด พ่อ แม่ และย่าของน้อง พร้อมด้วยญาติพี่น้อง เจรจาไกล่เกลี่ยเรื่องคดีทางแพ่งกับทางครูทั้ง 3 คน ซึ่งเป็นคู่กรณี พร้อมด้วยนายกองค์การบริหารส่วนตำบลคอนกาม และคณะผู้บริหาร โดยมี พ.ต.ท.ปัญญา โพธิ์ขำ สว.(สอบสวน) สภ.ยางชุมน้อย เป็นคนกลางในการเจรจา ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงเจรจากันแล้วเสร็จ หลังจากที่เจรจาไกล่เกลี่ยเสร็จสิ้น ครูทั้ง 3 คน ได้เดินทางกลับทันที โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนแต่อย่างใด
ญาติของน้องและเป็นผู้ที่เข้าร่วมการเจรจาในครั้งนี้ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่ครูหนุ่ยเดินทางเข้าห้องพนักงานสอบสวน ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านหนึ่ง ทำลักษณะกะพริบตาและทำมือจุ๊ปากเป็นเชิงส่งสัญญาณให้ครูหนุ่ย เหมือนต้องการสื่ออะไรบางอย่าง ซึ่งจริงๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำงานให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกระทำ หรือญาติผู้เสียหาย ไม่ใช่เอื้อแก่ผู้อื่น
หลังจาการเจรไกล่เกลี่ยแล้วเสร็จในวันนี้ ปรากฏว่าทั้งสองฝ่ายยังตกลงกันไม่ได้ ในส่วนของเงินทดแทน ทั้งในเรื่องการจัดงานศพ และความเสียหายต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งทางครอบครัวเรียกร้องค่าเสียหายกับครูทั้ง 3 คน รวมเป็นจำนวนเงิน 10,000,000 บาท และกับองค์การบริหารส่วนตำบลคอนกาม เป็นเงิน 5,000,000 บาท
ญาติของเด็ก กล่าวว่า จริงๆ ตามที่นัดหมาย ตกลงนัดกันในวันที่ 27 มิ.ย.เวลา 10.00 น.ที่สถานีตำรวจภูธรยางชุมน้อย แต่ปรากฏว่า ทางองค์การบริหารส่วนตำบลคอนกามและทางครูทั้ง 3 คน เดินทางมาถึงในเวลา 11.00 น. ซึ่งต้องให้รอเกือบ 1 ชั่วโมง และในขณะเจรจาท่าทีของครูทั้ง 3 คน อยู่ในอาการนิ่ง ไม่วิตกกังวล ซึ่งหลังจากที่ทางพวกตนได้เรียกร้องค่าเสียหายไปแล้ว ทางตำรวจได้พูดออกมาว่า ไม่เห็นใจทางคู่กรณีบ้างเหรอ ซึ่งตนอยากจะให้ย้อนกลับมาลองเป็นทางพวกตนดูบ้างว่า ไม่นึกถึงจิตใจของญาติและครอบครัวผู้สูญเสียบ้างเหรอ
ซึ่งทางครูทั้ง 3 คน และทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ยังไม่มีท่าทีว่าจะชดใช้หรืออย่างใด เพียงแต่รับฟังเท่านั้นเอง ซึ่งหลังจากนี้ทางครอบครัวก็จะทำในส่วนที่ทำได้ ถ้าหากทางครูทั้ง 3 คน มีอะไรที่ต้องการคุยกับทางพวกตน พวกตนก็พร้อมจะรับฟัง ไม่ว่าจะพูดคุยอยู่ที่สถานีตำรวจหรือที่บ้าน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามข้อเท็จจริงกับนายตำรวจคนดังกล่าว ซึ่งได้ปฏิเสธถึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยืนยันว่าไม่ได้มีการรู้จักกันเป็นการส่วนตัวกับครูหนุ่ย แต่เมื่อ 5 ปีที่แล้ว ครูหนุ่ยได้มาแจ้งความเกี่ยวกับคดีถูกขโมยวัว ซึ่งตอนนี้คดีได้เสร็จสิ้นแล้วเท่านั้น
ซึ่งขณะนั้น ทางญาติของน้องได้เดินมาปะทะคารมกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคนดังกล่าว เนื่องจากสงสัยในพฤติกรรมที่มีเลศนัย โดยนายตำรวจคนดังกล่าวได้ปฏิเสธและชี้แจงเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้รับทราบ ก่อนที่ทางญาติของน้องได้พูดว่า หากท่านบริสุทธิ์ใจ ทางญาติจะไม่ติดใจในเรื่องนี้ แต่ถ้าหากไม่ใช่ ขอให้คิดถึงเวรกรรมที่จะเกิดขึ้น พร้อมพนมมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะแยกย้ายกัน
ที่มา : เรื่องเล่าเช้านี้