จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์ขอความเป็นธรรม หลังจากที่แม่ปูนาหรือแม่บีม ปูนาฟ้าใส ได้ไปออกรายการโหนกระแส เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2567 ทวงหนี้คุณจั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม จนเกิดกระแสดังบนโลกออนไลน์ ทำให้คนเเห่มาอุดหนุนสินค้าอ่องมันปูจนขายดีอย่างล้นหลาม ซึ่งทางเเม่ปูนาได้สั่งสินค้าอ่องมันปูกับทางร้าน เนื่องจากค้าขายร่วมกันมานานหลายปี แต่กลับมีการโอนยอดสินค้าไม่หมด
เป็นการโอนเพียงแค่บางส่วนเพื่อให้ส่งของให้ ล่าสุดรวมยอดชำระค้างกว่า 455,845 บาท นอกจากนี้ยังไม่มีการอ้างว่าสินค้าไม่ได้คุณภาพโดยไม่มีหลักฐานตีกลับมา จึงออกมาโพสต์ขอความขอความเป็นธรรมให้มาเคลียร์ชำระหนี้
ล่าสุด เจ้าของโพสต์ดังกล่าว เปิดเผยกับข่าวสดว่า ตนรู้จักแม่ปูนาหรือแม่บีมมา 7-8 ปี ที่ผ่านมาทำธุรกิจอ่องปูด้วยกัน ตั้งแต่แม่ปูนายังไม่เป็นปูนาฟ้าใส ก็ทำกันมาอย่างต่อเนื่อง ส่งของให้กันตลอด ไม่เคยมีปัญหากัน ทุกครั้งจะจ่ายกันล็อตต่อล็อต สั่งล็อตใหม่จ่ายล็อตเก่า
แต่ด้วยเศรษฐกิจ ทำให้ขายของยากมากขึ้น โดยยอดค้างของเก่าอยู่ที่ประมาณ 80,000 บาท ก่อนที่แม่ปูนาจะไปออกรายการโหนกระแสกับคุณจั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม ก็มีการพูดคุยกันว่า ยอดเก่าแม่บีมจะเคลียร์ให้หลังจากที่ออกรายการโหนกระแสแล้ว
ต่อมาเช้าวันที่ 2 เม.ย.2567 แม่บีมโอนยอดให้ตน 10,000 บาท ให้ตนไปทำทุน สั่งซื้อของเพื่อทำปูให้เขา เพราะคาดหวังว่าหลังจากออกรายการโหนกระแส น่าจะมียอดสั่งซื้อเข้ามาเยอะ หลังจากนั้นก็มีการส่งของให้กันเรื่อยๆ เนื่องจากผลตอบรับจากการไปออกรายการโหนกระแสนั้นออกมาดีมาก
โดยยอดทุกครั้งที่เขาโอนให้ตนกลับไม่ได้เป็นยอดเต็ม คือส่งให้ตนยอดนี้ แต่ของที่ตนต้องส่งไปมันเยอะกว่านั้น ทั้งนี้มีการพยายามติดต่อคุยกันตลอด ทุกครั้งที่เขาจะโอนมาก็จะไม่ใช่การโอนยอดเก่าที่ค้าง แต่คือการโอนยอดใหม่ที่ตนต้องทำของส่งไปให้ โดยที่ไม่มีการเคลียร์ยอดที่ค้างไว้
สาเหตุที่ตนยอมส่งของมาตลอดทั้งๆ ที่ไม่ได้รับยอดเงินเต็ม เนื่องจากตนเห็นว่าเราค้าขายด้วยกันมานานแล้ว รวมถึงรู้มาตลอดว่าเหตุผลที่แม่บีมพาคุณจั๊กกะบุ๋มไปออกรายการโหนกระแส เพราะคุณจั๊กกะบุ๋มติดหนี้เขา แต่ตนไม่เคยรู้ว่าติดหนี้กันเรื่องสินค้าหรือว่าเรื่องอะไร ตนจึงยอมส่งของให้ต่อ เพราะหวังว่าเขาจะเคลียร์ยอดที่ค้างให้กับตน
แต่ในความเป็นจริง ทางเขาไม่เคยถามเพื่อเคลียร์เงิน และถ้าตนไม่ส่งของให้ ก็จะไม่มีทุนมาหมุนยอดที่ค้างให้กับคนงาน ครั้งล่าสุดก่อนที่จะมีปัญหากัน แม่บีมขอให้ตนส่งของไปลงงานครัวคุณต๋อย ที่หาดใหญ่ จ.สงขลา ที่มีตั้งแต่ 21-30 มิ.ย. 2567 เพราะถ้าไม่มีของเขาจะโดนครัวคุณต๋อยหัก ตนจึงขอให้เขาโอนยอดมาให้ตนก่อน เพราะยอดก่อนหน้านี้ ตนส่งของไปเยอะมากเกือบ 200,000 บาท
แต่เขากลับโอนยอดให้ตนแค่ 100,000 บาท แล้วก็ไม่เคยโอนมาอีกเลย ติดต่อไม่ได้ ทำให้ยอดตนติดลบไปแล้ว จนถึงวันที่แม่บีมต้องไปออกงานครัวคุณต๋อย เขาถึงติดต่อตนมา พร้อมบอกให้ทำของให้เขา พอตนบอกให้เขาโอนเงินมา เขาก็ถามตนกลับมาว่า จะเอาเงินจากไหนไปโอนให้ ในเมื่อสินค้าที่สั่งล็อตนั้น ราคา 100,000 บาท มันขายไม่ได้เลย ของเสียหมดเลย ทั้งนี้ตนไม่เคยเห็นสินค้าที่เขาอ้างว่าไม่ดี ตีกลับมา หรือแม้กระทั่งรูปถ่ายหลักฐาน เรื่องนี้จึงเป็นเหตุให้พวกเราทะเลาะกัน
โดยวันที่ทะเลาะกัน แม่บีมถามว่า มีค้างยอดอยู่เท่าไร ตนก็เลยบอกว่า ค้างอยู่ประมาณ 250,000 บาท ยังไม่รวมค่าขนส่ง ทางเขาก็เลยบอกว่า งั้นไม่เป็นไร ยอด 250,000 บาท ถ้าไม่ทำของให้เขาลงหาดใหญ่วันนี้ เขาจะเอาค่าเสียหายทั้งหมดจากครัวคุณต๋อย มาหักลบยอดค้างของตน รับรองได้ว่ายอดนี้ไม่เหลือคืนให้ตนเลย ตนก็เลยยอมส่งของให้อีกครั้งในวันที่ 26 มิ.ย. 2567 และ 28 มิ.ย.2567 โดยที่เขาโอนยอดให้ตน 10,000 บาท
แต่สินค้าที่ส่งไปก็ยอดติดลบอยู่ดี แล้วหลังจากนั้นอีกวันหนึ่ง เขาก็ให้ตนส่งของไปอีก โอนยอดมา 15,000 บาท ซึ่งอันนี้คือยอดสุดท้ายที่เขาโอนให้ตน หลังจากนั้นตนก็ติดต่อพยายามติดต่อแม่บีม จนถึงวันที่ 8 ก.ค. 67 แต่ก็ติดต่อไมได้อีกเลย ตนรู้จักกับคู่กรณีของแม่บีม ที่แม่บีมอ้างว่าเป็นมิจฉาชีพ ตนเลยบอกน้องว่า ช่วยพี่หน่อยนะ พี่อยากได้เงินคืน เพราะว่าตนต้องมีค่าใช้จ่าย ตนต้องแบกรับภาระทุกคนในครอบครัวของตน แต่ตอนนั้นกระแสแม่ปูนาเขาดังมาก ไม่มีใครสามารถทำอะไรเขาได้ ตนก็เลยหยุดทุกอย่าง
ต่อมาในวันที่ 13 ก.ค. 2567 แม่บีมพยายามติดต่อตนมาอีกครั้ง โดยพยายามติดต่อญาติหรือคนที่บ้านของตนที่เขาพอจะรู้จัก เขาก็ไม่ได้ติดต่อเพื่อจะขอเคลียร์เงิน แต่ติดต่อเพื่ออยากได้สินค้า เนื่องจากสินค้าเจ้าใหม่ที่เขาไปเอามาที่ จ.เชียงใหม่ มันไม่มีคุณภาพ เขาบอกว่าเขาขายไม่ได้ ลูกค้าประจำไม่เอา แต่ตอนนั้นตนตั้งใจจะเอาเงินคืน ตนเลยเลือกที่จะไม่ติดต่อกลับ จนวันที่ 8 เม.ย.2568 ที่ผ่านมา ตนตัดสินใจโทรหาแม่บีม เพื่อขอเคลียร์ยอดต้นแค่ 50,000 บาท ทางแม่บีมก็ถามว่า ตนไปอยู่ไหน ตนก็บอกว่าตนทำงาน เพราะต้องใช้หนี้ที่กู้เขามา เพื่อเอาเงินมาหมุนให้คนงาน
ตอนแรกเขาก็รับปากตนว่าเขาจะหาเงินมาให้ แต่ต่อมาเขาก็บอกตนว่า ตอนนี้แม่บีมไปทำธุรกิจบ่อปลา ไม่สามารถเบิกเงินส่วนกลางได้ จะทยอยโอนเงินให้ แล้วก็โอนเงินให้ตน 10,000 บาท หลังจากนั้นก็ไม่โอนอีก พร้อมบอกว่า เดี๋ยวแม่บีมขอหนีเก็บเสื้อผ้าสองสามตัวหนีไปทางธรรมชาติ
จากเหตุการณ์นี้ตนรู้สึกว่า เขาไม่ควรจะทำกับตนที่ทำธุรกิจกันมานาน ถ้าถามว่าตนอยากได้เงินไหม ตนก็อยากได้ แต่ตนอยากได้เงินในส่วนที่ควรจะเป็นของตนคืน เงินจากน้ำพักน้ำแรง ส่งของให้เขาจนเขามีปูนาฟ้าใส ตนยอมรับว่า หลังจากออกรายการโหนกระแส ชีวิตเขาดีมาก แต่ชีวิตที่ตกต่ำคือชีวิตของคนที่ทำของส่งให้เขา ตนต้องเป็นหนี้ รถก็โดนยึด
แต่เขากลับไม่เคยเห็นใจใครเลย ไม่เคยที่จะโทรมาถาม ทั้งๆ ที่เขาก็ติดต่อญาติตนได้แต่กลับไม่เคยพูดถึงเรื่องเงินที่ค้างอยู่ ตนก็รู้สึกเสียใจ ก่อนหน้านี้ตนเคยเห็นใจเขาที่เคยโดนจั๊กกะบุ๋มโกง ถ้าถามว่าตนอยากทำแบบนี้ไหม ตนก็ไม่อยากทำ เพราะตนเข้าใจว่า กว่าเขาจะเป็นแม่ปูนาฟ้าใส ต้องใช้เวลาตั้งหลายปี แต่เขาก็ต้องเข้าใจด้วยว่า กว่าตนจะทำของให้เขามันก็ต้องใช้ทุนทั้งนั้น การที่ตนออกมาโพสต์ครั้งนี้ ตนต้องการความเป็นธรรม อยากให้เขามาเคลียร์ยอดหนี้ที่ค้างกับตน ถึงว่ามันจะไม่หมดทั้งยอดจำนวน 455,845 บาท แต่ก็ให้เขาออกมาเคลียร์เพื่อให้คนคนหนึ่งได้กลับมาตั้งหลักบ้าง
ที่มา : ข่าวสด