รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยต่อเนื่องจากประเด็นเมื่อวาน กรณี “คุณเอ” ออกมาร้องเรียนผ่านทาง ต้นอ้อ เป็นหนึ่ง หลังอ้างว่าถูกอดีตสามีซึ่งเป็นแพทย์ พร้อมด้วยแม่สามี พาลูกแรกเกิดไปจากอ้อมอกของเธอทันทีหลังคลอด ทั้งที่เธอยังอยู่ในช่วงพักฟื้นจากการผ่าคลอด โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดภายในบ้านบันทึกเหตุการณ์ช่วงชุลมุน ขณะพยายามยื้อแย่งตัวเด็กกันจนเธอล้มลงกับพื้น
ในรายการเมื่อวาน มีช็อตสะเทือนใจ ขณะที่คุณเอเปิดคลิปจากกล้องวงจรปิด ซึ่งเผยให้เห็นภาพขณะเธอกำลังโต้เถียงกับอดีตสามี โดยมีแม่ของฝ่ายชายอุ้มเด็กทารกอยู่ ส่วนแม่ของคุณเอนั่งอยู่ที่โซฟา คุณเอพยายามเข้าไปอุ้มลูก แต่กลับถูกอดีตสามีและแม่ของเขาขัดขวาง เกิดการยื้อยุดฉุดกระชากกันจนไปถึงหน้าบ้าน ระหว่างนั้นคุณเอยังพยายามแย่งลูกกลับมา แต่เนื่องจากยังมีแผลผ่าคลอดเพียงหนึ่งเดือน เธอจึงล้มลงและไม่สามารถต้านทานแรงได้
กลางรายการ คุณเอถึงกับร้องไห้โฮ และพรั่งพรูความรู้สึกที่เก็บไว้มาตลอด บอกว่ารักลูกมาก ตั้งแต่ตั้งครรภ์ก็พูดกับลูกเสมอให้รักพ่อรักแม่ ต่อสู้ด้วยกันมาตลอดจนถึงวันนี้ เธอเพียงแต่อยากเห็นหน้าลูก อยากเลี้ยงลูก ขอได้ลูกกลับคืนมาก็พอ ยอมยกมือไหว้ก็ได้ พร้อมพูดทั้งน้ำตาว่า “หัวใจคนเป็นแม่มันทนไม่ไหว หัวใจจะสลาย”
ในรายการวันนี้ มีการโฟนอิน นายสรรพสิทธิ์ คุมประพันธ์ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ หนึ่งในผู้ร่าง พ.ร.บ. คุ้มครองเด็กปี 2546 ออกมาเปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เห็นจากวิดีโอแล้ว ย่าและพ่อเด็กมีความผิดตามอาญาหลายอย่าง มีทั้งข้อหา บุกรุก ข้อหาพรากผู้เยาว์ ยังไงก็ต้องเอาเด็กมาคืน ถามว่าเรื่องนี้ยังพอจะไกล่เกลี่ยได้ไหม ก็ต้องมาทำข้อตกลง มาบังคับคดี เรื่องการเลี้ยงดู ส่งเสียอุปการะ ไปจดทะเบียนรับรองบุตรให้เรียบร้อย
นายสรรพสิทธิ์ยังให้ความเห็นว่า ถ้าฝั่งพ่อเด็ก ย่าเด็ก คิดว่าตัวเองสามารถพรากเด็กได้ ให้ไปเจอกันที่ศาลเลย ไปเจอกันต่อหน้าตำรวจเลย แล้วดูสิว่าตำรวจจะตั้งข้อหาไหม ถ้าไม่ตั้งนี่ตำรวจโดน ม.157 เลยนะครับ
แล้วที่มีความเห็นที่บอกว่า มาพรากเอาเด็กไปเพื่ออุปการะแล้วจะไม่ผิด อันนี้เป็นความคิดของใครนะครับ มันเป็นความเห็นที่ใช้ไม่ได้นะครับ มันมีขั้นตอน ไม่ใช่มาแย่งจากอกแม่ไป คุณไม่มีข้ออ้างไหนจะมาพรากไปได้เลย ต่อให้เขาเป็นพ่อโดยชอบด้วยกฎหมาย เขาก็มาพรากเด็กไปไม่ได้ เด็กต้องได้กินนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงหกเดือน
ถามว่ามีช่องทางไหนที่จะไปฟ้องเอาเด็กคืนได้ มันมีเยอะมาก แต่ส่วนตัวมองว่ามันยืดเยื้อ ต้องไปสืบพยาน ไปเบิกความกันในศาล แนะนำว่าให้พนักงานสอบสวนออกหมายเรียก แล้วเรียกสองฝ่ายมาไกล่เกลี่ย เอาเด็กมาคืน ถ้าไม่ยอมคืน ก็ถูกคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว ใช้วิธีนี้เป็นประโยชน์ต่อตัวเด็กที่สุด