ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ภายในซอยหมู่บ้านโป่งไผ่ พื้นที่หมู่ที่ 7 ตำบลท่าตูม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี หลังได้รับแจ้งว่า มีเด็กชายอายุ 13 ปี ขาดเรียน เนื่องจากผู้ปกครองไม่มีเงินให้ไปเรียน และได้ขอทำงานที่ร้านก๋วยเตี๋ยว เพื่อที่จะได้มีรายได้และอาหารไปจุนเจือให้กับทางครอบครัว โดยได้พับพบเด็กชายคนดังกล่าว ซึ่งกำลังทำงานเก็บถ้วยชามก๋วยเตี๋ยวและแก้วน้ำอย่างคล่องแคล่ว
หญิงเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว กล่าวว่า ตนรู้จักเด็กชายมาประมาณ 2 ปี วานนี้ (20 มิ.ย.68) น้องมายืมรถจักรยานปั่นไปซื้อของให้แม่ แม่เขาป่วยติดเตียงเป็นกระดูกทับเส้น ตนจึงถามว่าไม่ได้ไปโรงเรียนเหรอ น้องบอกว่าไม่ได้ไปโรงเรียนเพราะพ่อไม่มีเงินให้ไปโรงเรียน ก็เลยชวนน้องมาทำงานที่ร้าน น้องบอกว่าพ่อหาเงินคนเดียว ต้องดูแลทั้งครอบครัว 4 ชีวิต แม่เป็นผู้ป่วยติดเตียง แล้วก็มีน้องสาวของเขาอีก 1 คน ตนจึงให้น้องมาคอยเก็บโต๊ะ คอยเสิร์ฟอาหาร
หญิงเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนรู้สึกสงสารน้อง ที่บ้านน้องมีพัดลมแค่ตัวเดียว นอนเรียงกัน 4 คนต้องเปิดพัดลมตัวเดียวส่ายไปส่ายมา ตนจะให้น้องทำงานกับตนช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ น้องเป็นคนเงียบไม่ค่อยพูดและขี้เกรงใจ ตนจะบอกว่าถ้ามีอะไรให้มาที่ร้านได้ เมื่อเช้าเขามายืมเงิน 100 บาท เพราะพ่อน้องก็ไม่มีเงินไปทำงานไม่มีเงินเติมน้ำมันรถ ตนก็เลยให้ไป
วันเกิดน้องเมื่อช่วงที่ผ่านมา ตนก็ให้เงินเขาไป 300 บาท แล้วน้องเขาขึ้นรถรับส่งแล้วติดเงินค่ารถรับส่ง ทางคนขับรถรับส่งเขาก็ทวงเงินค่ารถน้อง น้องก็ต้องเอาเงินที่ตนให้ไปจ่ายค่ารถแต่ก็ไม่พอ ยังค้างค่ารถเขาอยู่ น้องไม่เคยขอกิน ไม่มีเขาก็อด ตนก็ไม่รู้ว่าจะช่วยน้องได้ยังไง ก็ช่วยเท่าที่ช่วยได้
ต่อมาผู้สื่อข่าว ได้ให้เด็กชายอายุ 13 ปี สุดกตัญญูพาไปดูห้องเช่าที่ครอบครัวเขาพักอาศัย ซึ่งห่างจากร้านก๋วยเตี๋ยวประมาณ 200 เมตร พบว่าห้องเช่าดังกล่าวมีเสื้อผ้าของนักเรียนชั้นประถมทั้งหญิงและชาย อยู่บริเวณทางด้านหน้าห้องเช่า และบริเวณหน้าห้องเช่ายังมีรถจักรยานเก่าพร้อมทั้งซากรถจักรยานยนต์จอดอยู่ บริเวณด้านในห้อง พบฟูกปูที่นอนบริเวณข้างประตูทางเข้าห้องจำนวน 3 ฟูก และในห้องยังมีเสื้อผ้าแขวนเรียงรายอยู่รอบบริเวณ ส่วนบริเวณทางเข้าพบกระปุกพลาสติกที่บรรจุข้าวสารอยู่ประมาณครึ่งกระปุกเท่านั้น
พ่อของเด็กชายกล่าวทั้งน้ำตาว่า ตนไม่มีเงินสักบาทเครียดนอนร้องไห้ ตนต้องทำงานให้ได้เกินครึ่งหนึ่งถึงจะเบิกเงินได้ ตนไม่อยากที่จะร้องไห้ให้ภรรยาและลูกเห็น เพราะตนไม่มีเงินให้ลูกไปโรงเรียน สงสารลูกกลัวลูกไปดูเขากิน จึงให้ลูกหยุดเรียน เพราะตนหาเช้ากินค่ำ การกินสำหรับ 4 คน มันก็ไม่พอ ถ้าตนขาดงานก็ขาดรายได้ เวลาตนไปทำงาน ก็ต้องเผื่อเวลากลับมาป้อนข้าวเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จรูปให้ภรรยา หลังจากนั้นก็กลับไปทำงานต่อ หากมีงานต่อเนื่องกว่าจะกลับมาห้องก็ตอน 4-5 โมง ก็ต้องมาดูแลเรื่องกับข้าวให้กับลูกและภรรยา แล้วก็กลับไปทำงานต่อ กลับบ้านอีกทีก็ 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืน ทำงานให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้เงินมาใช้จ่ายในครอบครัว และให้ลูกไปโรงเรียน
ช่วงปิดเทอม ตนก็จะพาลูกทั้ง 2 คนไปช่วยตนทำงาน เขาก็ไม่เคยบ่น ตนไม่เคยน้อยเนื้อต่ำใจต่อโชคชะตาชีวิต ขอแค่กลับมาได้เจอได้อยู่กับพวกเขา ตนก็หายเหนื่อยแล้ว ขอให้พวกเขาอยู่กับตนก็พอ
ด้าน เด็กชาย อายุ 13 ปี กล่าวว่า ที่ตนไปขอเขาทำงานเพราะว่าอยากได้เงินไปโรงเรียน เพราะพ่อหาเงินไม่ทัน ไหนจะต้องมาซื้อผ้าอ้อมสำเร็จรูปให้แม่ ส่วนตนก็ไม่อายที่ต้องไปทำงานขายของ ตนรักพ่อและแม่ เวลาตนไปโรงเรียน ต้องนั่งรถรับส่ง ค่ารถรับส่งก็ยังค้างเขาอยู่ ตอนนี้ก็ทยอยจ่ายให้เขา ซึ่งตอนนี้ตนก็ค้างค่ารถรับส่งอยู่ที่ 750 บาท
ตนยังอยากที่จะเรียนต่อ ถ้าไม่มีเงินเรียนต่อ ก็ต้องช่วยพ่อทำงาน ช่วยพ่อขนอิฐ ขนกระเบื้อง ส่วนข้าวก็ยังพอมีกิน กับข้าวแต่ละวันก็จะมีน้ำพริก ผัก ส่วนน้องสาวตนก็ไม่งอแงไม่เกเร สิ่งที่อยากได้มากที่สุดในตอนนี้ ก็คือเงิน เพื่อนำเงินมาซื้อของใช้ภายในบ้าน
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบของผู้สื่อข่าวพบว่า ก่อนหน้านี้ครอบครัวของเด็กชาย เคยพักอาศัยอยู่ในพื้นที่หมู่ที่ 6 ตำบลศรีมหาโพธิ อำเภอศรีมหาโพธิ และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ลงทำการช่วยเหลือมาแล้ว จากนั้นปรากฏว่าช่วง 1 ปีที่ผ่านมาทางหน่วยงานที่ลงทำการช่วยเหลือ ไม่สามารถติดต่อกับครอบครัวนี้ได้ เนื่องจากทางครอบครัวเด็กชายย้ายถิ่นอาศัย
ล่าสุดหลังจากที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับทราบข้อมูลได้ประสานหน่วยงานต่างๆ เร่งเข้าทำการช่วยเหลือต่อไป