รายการโหนกระแสวันนี้ 14 ตุลาคม 2568 ยังคงพูดคุยต่อเนื่องในประเด็นดราม่าร้อนแรงของวงการพระเครื่อง กรณีเหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ปี 2508 ซึ่งเป็นข้อพิพาทระหว่าง บอย ท่าพระจันทร์ และ โอ๊ต บางแพ หลังจากที่รายการได้นำเสนอเรื่องนี้มาแล้วถึง 3 ตอนในสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ข้อถกเถียงยังไม่ยุติ
วันนี้ทางรายการจึงได้เชิญผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของวงการพระเครื่อง ซึ่งเป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่ายมาร่วมให้ความรู้และพิจารณาเหรียญเจ้าปัญหานี้ นำโดย ชัยนฤทธิ์ เพชรพันธุ์ทอง ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย และยังเป็นผู้ชำนาญการพระเครื่องสายหลวงปู่ทวดโดยตรง หรือที่ในวงการเรียกว่าเป็น "ประธานโต๊ะหลวงปู่ทวด" ในงานประกวดพระเครื่อง ซึ่งหมายถึงเป็นผู้เชี่ยวชาญสูงสุดที่จะเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดพระเครื่องหลวงปู่ทวดในงานประกวดต่างๆ
นอกจากนี้ยังมีเซียนพระรุ่นใหญ่ของวงการมาร่วมรายการด้วย ได้แก่ พยัพ คำพันธุ์ นายกสมาคมผู้นิยมพระเครื่องพระบูชาไทย, ต้อย เมืองนนท์ อุปนายกสมาคมฯ, อุ๊ กรุงสยาม และ เทียม ปัตตานี ผู้ชำนาญพระสายใต้ โดยทุกคนได้กล่าวตรงกันก่อนเริ่มรายการว่า การมาร่วมรายการในวันนี้ไม่ได้มีเจตนาจะตัดสินดราม่าหรือเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งระหว่างคุณบอยและคุณโอ๊ต แต่จะมาเพื่อพิจารณา "เหรียญ" ตามหลักมาตรฐานสากลของวงการ เพื่อเป็นความรู้และสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องให้กับสังคมและผู้ที่สนใจพระเครื่อง
คุณอุ๊ กรุงสยาม หนึ่งในเซียนพระที่มาร่วมรายการ ได้นำเสนอแนวคิดที่น่าสนใจว่า "สิ่งที่เราไม่เคยเห็น ไม่ได้แปลว่ามันไม่มีอยู่จริง" พร้อมยกตัวอย่างเปรียบเทียบกับเรื่องราวขององค์หลวงปู่ทวดเองว่า ในอดีตนั้น เรื่องราวของท่านถูกมองว่าเป็นเพียงนิทานหรือเรื่องเล่าที่แต่งขึ้นมาด้วยซ้ำ เพราะไม่มีใครเคยเห็นหรือมีหลักฐานยืนยันตัวตนที่แท้จริงของท่านได้ จนกระทั่งภายหลังจึงมีผู้คนให้การยอมรับและศรัทธาอย่างกว้างขวาง
คุณอุ๊ ได้ย้ำว่า ในเมื่อการมีอยู่ของเหรียญเนื้อทองคำนี้ยังเป็นข้อถกเถียง การจะพิสูจน์ว่าเป็นของแท้หรือไม่นั้น จึงต้องกลับมาใช้หลักการพิจารณาที่เป็นมาตรฐานสากลและเป็นที่ยอมรับตรงกันในวงการพระเครื่อง ซึ่งเป็นข้อยุติที่ทุกคนใช้ร่วมกัน นั่นคือการพิจารณาจากพิมพ์ของเหรียญทั้งด้านหน้าและด้านหลัง รวมถึงลักษณะของ "ขอบตัวตัด" ของเหรียญ
ตามหลักการที่คุณอุ๊เสนอ หากนำเหรียญเนื้อทองคำที่เป็นประเด็นมาพิจารณาแล้วพบว่า มีลักษณะรอยตัดขอบเหรียญที่ตรงกันกับรอยตัดขอบของเหรียญเนื้ออัลปาก้า ซึ่งเป็นเนื้อมาตรฐานที่วงการให้การยอมรับว่าเป็นของแท้อย่างไม่มีข้อกังขา ก็ย่อมเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าเหรียญเนื้อทองคำเหรียญนี้ถูกผลิตขึ้นจากบล็อกเดียวกัน และจะต้องถือว่าเป็น "ของแท้" ด้วยเช่นกันตามมาตรฐานของวงการ
ในรายการ บรรดาเซียนพระทุกคนได้ผลัดกันใช้กล้องส่องพระเพื่อพิจารณารายละเอียดของเหรียญหลวงปู่ทวดเนื้อทองคำที่เป็นประเด็นอย่างใกล้ชิด และต่างมีความเห็นเบื้องต้นที่ตรงกันว่า พิมพ์ทรงและรายละเอียดต่างๆ บนหน้าเหรียญมีความลึก คม และชัดเจนมาก ซึ่งลักษณะเช่นนี้บ่งชี้ว่าไม่น่าจะเป็นเหรียญปลอมที่เกิดจากการนำเหรียญแท้ไปถอดพิมพ์ เนื่องจากกระบวนการถอดพิมพ์มักจะทำให้รายละเอียดของเหรียญที่ทำขึ้นมาใหม่นั้นตื้นและขาดความคมชัดไป
คุณชัยนฤทธิ์ เพชรพันธุ์ทอง แม้จะยังไม่ต้องการสรุปชี้ขาดอย่างเป็นทางการ แต่ก็ได้ให้ความเห็นว่า "โอกาสแท้สูงมาก" โดยให้เหตุผลสำคัญว่า ลักษณะของรอยตัดขอบเหรียญเป็นสิ่งที่ปลอมแปลงได้ยากมาก ซึ่งในวงการถือเป็นจุดตายจุดเป็นในการพิจารณา และเซียนพระท่านอื่นๆ ในรายการต่างก็เห็นพ้องต้องกันว่า เมื่อนำมาเทียบกันแล้ว พบว่ารอยตัดขอบของเหรียญทองคำเหรียญนี้ตรงกับเหรียญเทียบเนื้ออัลปาก้าที่เป็นที่ยอมรับว่าเป็นของแท้
ทางด้านคุณเทียม ปัตตานี ได้แสดงความมั่นใจและฟันธงอย่างชัดเจนว่าเหรียญนี้เป็น "เหรียญแท้"
ขณะที่คุณพยัพ คำพันธุ์ ได้กล่าวว่าตนไม่ได้ต้องการที่จะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในข้อพิพาทนี้ แต่จากประสบการณ์และการพิจารณาของตนแล้ว เห็นว่าเป็นเหรียญแท้และมีความสวยงามจนรู้สึกชื่นชอบ พร้อมกันนี้ได้สร้างความฮือฮาด้วยการยื่นข้อเสนอให้กับคุณบอย ท่าพระจันทร์ ว่า ตนขอเช่าบูชาเหรียญนี้ต่อในราคา 6 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้คุณบอยได้กำไรทันที 1 ล้านบาท หลังจากที่เช่ามาในราคา 5 ล้านบาท
ส่วนคุณต้อย เมืองนนท์ และคุณอุ๊ กรุงสยาม ก็ได้ยืนยันความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า เหรียญนี้น่าจะเป็นของแท้อย่างแน่นอน