ที่ศาลาวัดพระธาตุภูเพ็ก ต.นาหัวบ่อ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร แกนนำชาวพุทธผู้ก่อสร้างองค์พระแม่โสมาสีวิกาเทวนาคเทวี ซึ่งประทับภายในเทวาลัย บริเวณทางขึ้นปราสาทพระธาตุภูเพ็ก หนึ่งในปราสาทขอมสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ราวพุทธศตวรรษที่ 17 พร้อมด้วยทนายความและญาติโยมจาก จ.บึงกาฬ จ.สกลนคร เข้าพบคณะสงฆ์ของวัดพระธาตุภูเพ็ก เพื่อเจรจา หลังจากเข้าแจ้งความที่ สภ.พรรณานิคม เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2568 ในข้อหาร่วมกันยักยอกทรัพย์
แจ้งว่าเมื่อประมาณปี 2563 ได้มีการบอกบุญทางสื่อโซเชียลว่า มีทีมงานศิลาทราย ที่อยู่ อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ เป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง บอกบุญร่วมกับเจ้าอาวาสวัดภูเพ็ก ผู้แจ้งจึงได้ร่วมทำบุญสร้างรูปหล่อพระแม่โสมาสีวิกานาคเทวีและนางรำอัศราด้วย และได้ถอดของมีค่าเป็นแหวนนาคราชเนื้อพลอยทองคำ จำนวน 1 วง
ส่วนคนอื่นทราบว่ามีแหวนทองคำ สร้อยทองคำน้ำหนักรวมกว่า 10 บาทเพื่อบรรจุในองค์พระแม่โสมาฯ ตลอดเวลา 3 ปีที่ผ่านมา มีผู้มาสักการะมากมายจนเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายจนเป็นที่ศรัทธาทั้งคนในประเทศและต่างประเทศ
ต่อมาในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 ผู้แจ้งทราบจากผู้ร่วมสร้างพระแม่โสมาสีวิกานาคเทวีและนางรำอัศราว่า มีการเคลื่อนย้ายไปไว้ที่แห่งหนึ่งใน อ.อุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น หลังจากนั้นผู้แจ้งได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กว่า ขอให้นำพระแม่โสมาฯ กลับคืนมาที่วัดภูเพ็ก ภายใน 15 วัน เพราะเป็นเงินของผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมสร้าง เพื่อกราบไหว้บูชา แต่ได้รับการเพิกเฉย จึงได้มาร้องทุกข์มอบคดีให้กับพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีกับพระสงฆ์ของวัดพระธาตุภูเพ็กจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ซึ่งการเจรจาในวันนี้ ทางวัดยินดีที่จะนำองค์พระแม่โสมาฯ กลับมาประทับไว้ที่เดิม ภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2568 จึงมีการไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.พรรณานิคม โดยทางวัดจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด และฝ่ายผู้ร้องจะถอนคำร้องทุกข์ทั้งหมด ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะแยกย้ายกันกลับ
หญิงผู้ร้อง กล่าวว่า ตนได้ร่วมถอดทองคำมูลค่า 12,000 บาท และบริจาคเงินสดรวมประมาณ 800,000 บาท ร่วมกับผู้มีจิตศรัทธาอีกจำนวนมาก เป็นเงินกว่า 2 ล้านบาท ในการก่อสร้างเทวาลัยแห่งนี้ เพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่การที่พระอนุญาตให้ผู้อื่นมาย้ายองค์พระแม่ไป มันไม่ถูกต้อง เพราะคนที่บริจาคสร้างอยู่ที่ จ.สกลนครและจังหวัดใกล้เคียง แต่ท่านอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์