รายการโหนกระแสวันนี้ พูดคุยกรณีปัญหาเพื่อนบ้าน ใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเสียงพระสวดดังสนั่นลั่น ตลอด 24 ชั่วโมงไม่เคยปิด ทั้งยังมีพฤติกรรมต่างๆ ที่ทำให้เพื่อนบ้านได้รับความเดือดร้อน หนักถึงขั้นภรรยาที่ตั้งท้องอยู่ เครียดจนแท้งลูก
คุณโชค และ คุณหนูนา สามีภรรยา พร้อมด้วย แม่ด้วง แม่ของหนูนา เจ้าของบ้านที่ร้องเรียนเล่าว่า ที่บ้านของตนเองมีอาชีพทำหัวโขน และเศียรพ่อแก่ อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้มานานกว่า 40 ปี ตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย นอกจากนี้ ที่บ้านของตนยังเปิดเป็น ศูนย์การเรียนรู้เรื่องการทำหัวโขน ซึ่งจะมีนักเรียนแวะเวียนมาเรียนการทำหัวโขนจำนวนมาก ที่ผ่านมาก็อยู่กันด้วยความสงบ
กระทั่งช่วงประมาณปี 2559 เพื่อนบ้านคู่กรณีมาซื้อบ้านข้างๆ และย้ายมาอยู่อาศัย ซึ่งไม่เคยพูดคุยอะไรกันเลย เพราะเพื่อนบ้านคู่กรณีจะเก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน เขาไม่ได้มาอยู่ประจำ ไปๆ มาๆ แต่ครั้งแรกสุดคือ เขาเอาหมามาเลี้ยง ขังไว้ในกรง แล้วปล่อยทิ้งไว้ไม่มาดูแล ฝนตกหมาก็ตากฝน อุจจาระ ปัสสาวะ เลอะเทอะอยู่ในกรง หนูนาเห็นแล้วสงสารก็ช่วยกันกับเพื่อนบ้านอีกหลัง เข้าไปช่วยกันย้ายกรงหมาในบ้านของเขา
แต่เจ้าของบ้านหลังนั้นไม่คุยกับบ้านของคุณหนูนา ไม่พูดด้วย ทั้งที่ก็พูดคุยกับบ้านอื่นปกติ วันดีคืนดีเขาก็จุดไฟ สุมไฟ ควันลอยมาเหม็นคลุ้งถึงบ้านเรา แล้วยังไปร้องเรียนกับหน่วยงานว่าบ้านของตนจุดไฟ ทั้งที่เขาเองนั่นแหละที่เป็นคนจุด
นอกจากนี้แม่ด้วงยังถูกร้องเรียนเรื่อง ทำกับข้าว กลิ่นควันรบกวน , ร้องเรียนเรื่องเครื่องซักผ้าเสียงดัง , สุนัขที่บ้านของตนเองเดินผ่านหน้าบ้านเพื่อนบ้านคู่กรณี , แมวที่บ้านไปขึ้นหลังคาบ้านเขาและทำให้กระเบื้องหลังคาแตก ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบที่บ้านของหนูนา อยู่ตลอด แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ยังทราบว่า บ้านคู่กรณีไปขอใบอนุญาตครอบครองปืน ทำให้เรารู้ว่าเขามีปืนในบ้าน และมักจะได้ยิงเสียงปืน ดังเหมือนยิงปืนขู่เป็นระยะๆ
ซึ่งที่ผ่านมาบ้านของตนเองจะถูกกลั่นแกล้งร้องเรียนในลักษณะแบบนี้เรื่อยมาซึ่งตนก็อดทนมาโดยตลอด กระทั่ง 4-5 ปีหลังมานี้ เพื่อนบ้าน เริ่มเปิดบทสวดมนต์เสียงดังจนคนในบ้านตนเองต้องตะโกนคุยกัน
โดยบทพระสวดนี้ เขาเปิดทิ้งไว้โดยที่ไม่มาอยู่อาศัย เปิดเสียงดัง ไม่เคยปิด ทั้งวันทั้งคืน จะหลับจะนอนก็ลำบาก ตื่นมาก็ได้ยิน จะนอนก็ได้ยิน ภรรยาตั้งท้องเครียดหนัก เครียดสะสม สุดท้ายแท้งลูก ซึ่งไม่มีเหตุการณ์อะไรที่เป็นอันตรายต่อครรภ์เลย นอกจากเรื่องความเครียดเรื่องนี้เรื่องเดียว
บ้านของฝ่ายคุณหนูนา เคยไปร้องเรียนทั้งหน่วยงานในพื้นที่และแจ้งตำรวจ แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า ไม่สามารถแก้ปัญหาได้หนำซ้ำเพื่อนบ้านคู่กรณียังยิงปืนขู่ด้วย พอตนเองออกไปถ่ายคลิปเก็บไว้ เพื่อนบ้านคู่กรณีก็รีบกลับเข้าบ้านไป
นอกจากนี้เวลาพระเดินบิณฑบาตตอนเช้า เพื่อนบ้านคู่กรณีจะปล่อยหมาออกมาเห่าและวิ่งไล่พระที่กำลังเดินบิณฑบาตอยู่ จนเคยเกิดเหตุการณ์ บาตรหล่น ข้าวปลาอาหารกระจายเต็มพื้น ส่วนแม่ยายของตนเองเคยขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าบ้านเพื่อนบ้านคู่กรณี ก็ถูกเพื่อนบ้านคู่กรณีกระโจนเข้าใส่ จนรถเกือบล้มและมีปากเสียงตะโกนด่าทอกัน
แต่ก็มีอีกมุมคือ ฝั่งของบ้านหนูนา ก็เลี้ยงสุนัขและแมวแบบปล่อย สุนัขมีทั้งหมาพันธุ์ทาง และหมาพิตบูล ที่เลี้ยงแบบปล่อย ทำให้หลายคนก็มองว่าลักษณะนี้ก็ไม่ถูกต้องเหมือนกัน
ล่าสุด นายเอ (นามสมมุติ) เจ้าของบ้านที่เปิดบทสวด โฟนอินเข้ามาบอกว่า จริงๆที่ต้องเปิดบทสวด เพราะมีแมวเข้าไป ปีนหลังคาบ้านตน ทำให้กระเบื้องแตก หลังคาทะลุ มั่นใจว่าเป็นแมวของเขา เพราะมีกระดิ่งแมวที่ห้อยคอเขาหล่นอยู่
พอตนเองเปิดเสียงบทสวดมนต์แล้วมันได้ผล เหมือนมีเสียงคนคุยกันในบ้าน ทำให้แมวไม่ปีนเข้ามาในบ้านอีกเลย ตนจึงจำเป็นต้องเปิดเสียงบทสวดเพราะเหตุผลนี้
นายเอบอกว่า ถ้าเราถอยกันคนละก้าว ให้คู่กรณีไม่ปล่อยสัตว์เลี้ยงเข้ามารุกรานในบ้านเรา เราก็จะยอมปิดเสียงให้ เพราะเมื่อเช้าทางผู้ใหญ่บ้านมาไกล่เกลี่ย เราก็ยอมปิดให้ แต่พอปิดปุ๊บ แมวก็เข้ามาทันที
ขณะที่คุณโชค คู่กรณีถามกลับไปว่า แมวตัวนี้ตนเพิ่งเลี้ยงเมื่อ 3 ปีนี้เอง แต่นายเอ เปิดเสียงพระสวดมานาน 5 ปีแล้ว แล้ว 2 ปีแรกเปิดบทสวดทำไม นายเอก็บอกว่าเปิดเหมือนเปิดฟังเองในบ้าน ไม่ได้คิดว่ามันไปรบกวนใคร ถ้ามันดังเขาก็น่าจะเดินมาบอกกันดีๆ เขาก็ไม่เห็นจะเดินมาบอกอะไร ยอมรับว่ามันก็เป็นการทำไปเพื่อตอบโต้กันไปกันมา เพราะฝ่ายนั้นก็ไม่ยอมกัน
ส่วนเรื่องปืน ยอมรับว่าตนมีปืนจริง มีใบ ป.4 เพื่อครอบครองถูกต้อง แต่ที่เขาถ่ายรูปเราถือปืน อันนั้นไม่ใช่ปืนจริง เป็นปืนแก๊บ ที่สั่งออนไลน์มาเอาไว้ยิงไล่นกไล่แมว มีหลักฐานการสั่งซื้อ
ส่วนเรื่องปล่อยหมา ตนไม่ได้ปล่อยมาไล่กัดใคร มันก็วิ่งออกไปเล่นกันคนนั้นคนนี้ อย่างนักข่าวที่มาสัมภาษณ์ตนเมื่อวานนี้ หมาเราก็ยังออกไปเล่นกับเขา ไม่ได้ดุร้ายไปกัดใคร
ทั้งสองฝ่ายตอบโต้กันไปมา ต่างกล่าวโทษอีกฝ่าย ทางนายเอยืนยันว่า ถ้าจะมาเจรจาตนก็ยินดี ขอแค่ไม่ปล่อยให้สัตว์เข้ามาทำความเดือดร้อน ตนก็พร้อมจะปิดเสียงให้
แต่ทางป้าด้วง ตอบโต้ว่า ฝ่ายเขาพูดว่าเจรจาได้ พูดได้ แต่เขาไม่เคยทำจริง ที่ผ่านมาเคยมีคนมาช่วยไกล่เกลี่ย แต่ก็ไม่เคยแก้ปัญหาได้เลย
ท้ายที่สุด หนุ่ม กรรชัย และ ทนายแก้ว มองว่า การจะเอาชนะกันในทางกฎหมาย จะไปฟ้องศาลก็ทำได้ แต่การเป็นเพื่อนบ้านกัน มันต้องอยู่ร่วมกัน อยากให้พูดคุยกันดีๆ อย่างน้อยก็ต่างฝ่ายต่างยอมกันคนละก้าว วันใดฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเดือดร้อน อีกฝ่ายอาจจะเป็นคนที่เข้ามาช่วยเหลือก็เป็นได้
ท้ายที่สุดสองฝ่ายยอมรับปากว่าจะยอมถอย ฝ่ายบ้านหนูนา รับปากว่าจะไม่ปล่อยหมาแมวออกไปทำความเดือดร้อนอีก ส่วนเอก็ยอมรับปากว่าจะไม่เปิดเสียงสวดอีก