จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพเด็กชายที่ใบหูเขียวช้ำทั้งสองข้าง พร้อมเขียนข้อความว่า “ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในหางดง สั่งสอนเด็กด้วยการชี้แนะให้เด็กทำร้ายร่างกายกันเอง ซึ่งเป็นเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชาย ให้ดึงหูกันถ้าไม่ร้องห้ามหยุด” หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปทำให้มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมากถึงการลงโทษที่ครูทำกับเด็กนักเรียนว่าทำรุนแรงเกินไปไหม
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่พูดคุยกับเจ้าของโพสต์ดังกล่าวเล่าว่า เด็กชายที่อยู่ในภาพนั้นคือลูกชายของตน อายุ 9 ปี นักเรียนชั้น ป.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ถูกครูผู้ชายทำโทษจนหูอักเสบ เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ม.ค.68 โดยช่วงวันนั้นลูกชายไปทัศนศึกษากลับมาช่วงเย็น พ่อก็ไปรับปกติเหมือนทุกวัน พอกลับมาที่บ้าน น้าเห็นว่าทำไมน้องหูแดงมาก แดงเป็นเลือด พอถามลูกชายก็จะบ่ายเบี่ยงว่าไม่เป็นอะไรเล่นกับเพื่อนมา ซึ่งส่วนตัวคิดว่าเด็กน่าจะกลัวความผิดส่วนหนึ่ง เลยไม่กล้าพูด
วันนั้นตนไม่อยู่ร้านไปเฝ้าย่าทวดที่โรงพยาบาล กลับมาถึงบ้านประมาณสองทุ่ม ลูกชายก็หลับไปแล้ว ตนจึงไปเรียกลูกชายตื่นขึ้นมาถามว่า “ใบหูของน้องไปโดนอะไรมาเล่าความจริงมาให้แม่ฟัง” ตอนแรกลูกชายก็ยังไม่กล้าบอก บอกว่าเล่นกับเพื่อนมา แต่แม่ก็บอกว่าไม่น่าใช่ เพราะถ้าเล่นแรงแบบนี้ครูก็น่าจะแจ้งแม่แล้วให้น้องบอกความจริงกับแม่มา หนูไปทำอะไรมา
กระทั่งน้องยอมบอกความจริงว่า ครูสั่งให้เพื่อนหยิกหู สาเหตุมาจากอะไรน้องไม่ยอมตอบ แม่จึงได้ไลน์ไปถามครูประจำชั้น แต่ครูก็ไม่ทราบว่าเกิดเหตุอะไรหูเป็นแผล แต่เดี๋ยวครูจะถามครูผู้ชายให้ว่าเกิดอะไร ก็ทราบว่าน้องถูกทำโทษเนื่องจากไปขู่เอาเงินเพื่อน ครูผู้ชายจึงได้ลงโทษโดยที่ให้ลูกชายกับเด็กผู้หญิงเปลี่ยนกันหยิกหูทั้งสองข้าง จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะร้องออกมา
ตอนแรกแม่ก็ไม่ว่าอะไรแต่พอเช้าวันที่ 31 ม.ค.68 น้องตื่นมามีอาการเหมือนไม่สบาย หลังเลิกเรียนกลับมาใบหูเขียวช้ำกว่าเดิม แม่จึงตัดสินใจโทรหาครูประจำชั้นอีกครั้ง ซึ่งครูประจำได้ให้ครูผู้ชายที่ลงโทษเด็กโทรกลับมาหาแม่และพูดคุยถึงเรื่องราวดังกล่าว
โดยครูบอกว่าครูได้ให้เด็กหญิงหยิกหูกัน 10 ครั้งถ้าใครไม่ร้องไม่ให้หยุด ดังนั้นน้องผู้หญิงจึงหยิกหูลูกตนอย่างแรงเพื่อให้ร้องครูถึงจะหยุดทำโทษ ตนจึงถามครูผู้ชายที่ลงโทษกลับไปว่าครูลงโทษเด็กแบบนี้มันเกินกว่าเหตุไปหรือไม่ ซึ่งครูคนดังกล่าวตอบกลับมาว่าปกติครูก็ลงโทษเด็กแบบนี้อยู่แล้วแต่ไม่ถึงขั้นนี้ เพิ่งมาเป็นหนักที่ลูกตน ตนจึงย้อนถามกลับไปว่า “ครูมีพฤติกรรมรุนแรงกับเด็กแบบนี้เหรอคะ ถ้าเด็กมีพฤติกรรมไม่ดีทำไมครูไม่ลงโทษแบบอื่น หรือว่าแจ้งผู้ปกครองให้ทราบก่อน ไม่น่าให้เด็กสองคนที่เป็นเด็กผู้ชายและผู้หญิงมาหยิกหูกันเพื่อทำโทษ” ซึ่งตนมองว่าการลงโทษดังกล่าวนั้นเป็นการสร้างพฤติกรรมรุนแรงให้กับเด็ก และเป็นการปลูกฝังความก้าวร้าว ให้เด็กผู้ชายรังแกผู้หญิงได้
หลังเกิดเหตุตนได้พาลูกชายไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล แพทย์วินิจฉัยว่า น้องหูอักเสบให้ยามาทาและรับประทาน ก่อนที่พ่อของน้องจะเข้าแจ้งความกับ ตำรวจ สภ.หางดงเพื่อเอาผิดครูที่ลงโทษเด็ก โดยยืนยันจะดำเนินคดีให้ถูกที่สุดเพื่อเป็นคดีตัวอย่างและไม่ต้องการให้ครูคนนี้ไปลงโทษเด็กคนอื่นแบบนี้อีก
ขณะที่เด็กชายที่ถูกทำโทษบอกว่า ตอนนี้ตนรู้สึกกลัว ยอมรับว่าไม่กล้าพูดความจริงกับแม่ เพราะกลัวแม่ไปเอาเรื่องครู ตนได้ไปขู่เอาเงินเพื่อนจริง แต่ทำเล่นๆ หลังจากนี้จะไม่ทำอีกแล้วและเข็ดแล้วที่ถูกครูทำโทษ ส่วนอาการเจ็บหูนั้นขณะนี้ก็ยังเจ็บบริเวณใบหูอยู่ นอนตะแคงไม่ได้ ส่วนเพื่อนนั้นที่ไม่เจ็บเยอะ เพราะตนไม่ได้หยิกแรง เพราะแม่สอนว่าไม่ให้รังแกผู้หญิงตนจึงไม่กล้าหยิกเพื่อนแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดทางผู้อำนวยการโรงเรียนที่น้องเรียนอยู่ได้โทรมาหาคุณแม่และนัดไปพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยในวันจันทร์ที่ 3 ก.พ.68
ที่มา : Ch3