จากเหตุการณ์ชายขับรถยนต์เก๋ง BMW สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ปาดหน้ากระบะสีดำ เป็นเหตุให้เสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุ ทำให้ลุงคนขับได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนป้าที่เป็นผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บ ต่อมาทราบว่า คนขับ BMW คือ น้องพีช สมิทธิพัฒน์ หลีนวรัตน์ ลูกชายของ นายกเบี้ยว นักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังใน จ.ปทุมธานี
โดยช่วงเย็นวานนี้ (18 เม.ย.68) นายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือ นายกเบี้ยว นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี จ.ปทุมธานี เปิดเผยหลังพา น้องพีช ลูกชาย เข้าพบตำรวจ สทล.2 กก.8 บก.ทล. เพื่อรับทราบข้อหา ว่าในส่วนของรถยนต์เก๋ง BMW ยังไม่ได้เอามาด้วย แต่เตรียมที่จะนำมามอบให้ตำรวจทางหลวงวันที่ 19 เม.ย.68 เนื่องจากรถอยู่อีกที่หนึ่ง และยืนยันว่าป้ายทะเบียนป้ายแดงที่รถของลูกชายเป็นป้ายจริง ซึ่งเตรียมที่จะขอป้ายทะเบียนให้ตรงกับเลขวันเกิด
ส่วนที่ก่อนหน้านี้มีการสับสนว่าลูกชายจะยังไม่เข้ามาพบกับตำรวจอาจจะเป็นการสื่อสารกันผิดพลาด เพราะก่อนหน้าที่จะมาถึง นักข่าวยังโทรถาม ตนก็ยังยืนยันว่ากำลังเดินทางเข้ามา เนื่องจากได้คุยกับพนักงานสอบสวนว่า หากไม่เดินทางมาในวันที่ 18 เม.ย.68 ก็ต้องออกหมายเรียก จึงตัดสินใจหันหัวรถกลับมาและดำเนินการตามขั้นตอนให้เสร็จสิ้น ย้ำว่าไม่หลบหนีอยู่แล้ว
สำหรับเรื่องของคลิปเสียงที่มีการเบ่งกับตำรวจ ด้วยคำพูดว่ายอมอ่อนให้แล้ว นายกเบี้ยว บอกว่า ลูกชายยืนยันว่าไม่มีการพูดแบบนี้แน่นอน ย้ำว่าตนยอมทุกกรณีอยู่แล้ว ไม่เคยพูดว่าลูกตัวเองไม่ผิด และขอโอกาสกับสังคมที่ลูกชายทำผิดพลาดไป และตนไม่มีอิทธิพลใดๆ หากจะมีอิทธิพลก็มีอิทธิพลในการช่วยเหลือประชาชนเท่านั้น
นายกเบี้ยว บอกด้วยว่าไม่กังวลเรื่องจะกระทบกับคะแนนเสียงการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 พ.ค.นี้ เพราะการลงสมัครรับเลือกตั้ง หากพี่น้องประชาชนไม่ไว้วางใจ ก็จะไม่ได้มีโอกาสมารับใช้ประชาชน ก็เพียงแค่อยู่บ้าน แต่หากยังได้รับการไว้วางใจก็ยังคงช่วยเหลือประชาชนเหมือนเดิม ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชนเราไม่มีสิทธิ์บังคับ เรื่องนี้ตนย้ำและสั่งสอนตักเตือนน้องพีชมาตลอด ในฐานะลูกชายคนเล็กก็จะต้องค่อยๆ สอน ค่อยๆ ตะล่อม หากรุนแรงและแข็งเกินไปลูกชายก็จะเตลิดได้ ครั้งนี้ลูกชายเป็นคนผิดก็ต้องขอโทษสังคม
ยอมรับว่าโกรธลูกชายและครอบครัวไม่เคยเป็นแบบนี้ ทำไมลูกชายคนเล็กถึงมีลักษณะแบบนี้ ระยะหลังอาจเจอลูกน้อยเกินไป ลูกชายที่เป็น สส.ก็มีอารมณ์โมโหน้อง ซึ่งได้พูดคุยกับน้องแล้ว ก็ยังมีความเป็นห่วงแต่ยังไม่เจอกัน ภรรยาพอรู้ว่าลูกคนเล็กไปก่อเหตุแบบนี้ก็ร้องไห้เป็นทุกข์ ยอมรับลูกอาจจะมีอารมณ์ร้อนด้วยอายุหากย้อนกลับไป 40 ปี ผมก็อาจจะมีอารมณ์ในลักษณะแบบนี้ เรื่องลูกไม่โทรแจ้งตำรวจ เวลานั้นอาจจะยังไม่มีประสบการณ์ ลูกชายไม่เคยมีประสบการณ์เกิดอุบัติเหตุแบบนี้
นายกเบี้ยว ยังบอกอีกว่า ไม่ได้พูดคุยกับแกนนำพรรคเพื่อไทยเลย ขออย่าเอาผู้ใหญ่หรือแกนนำในพรรคเข้ามาเกี่ยวข้อง ตนไม่เคยโทรศัพท์หาผู้ใหญ่ในพรรคการเมืองด้วย ไม่อยากนำเรื่องปวดหัวไปให้ผู้ใหญ่ในพรรค ยอมรับว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พรรคการเมืองที่สังกัดอยู่ต้องโดนโจมตี
ที่มา : ข่าวสด