จากกรณีหญิง อายุ 28 ปี ชาว อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองเชียงราย ว่าถูกสามี อายุ 24 ปี ทุบตีทำร้ายร่างกาย มีการใช้ขวดฟาดศีรษะ และเก้าอี้ฟาดที่ขาซ้าย ได้รับบาดเจ็บ จึงมาแจ้งความดำเนินคดี หวังเรียกร้องความเป็นธรรม เหตุเกิดเมื่อช่วงเวลาประมาณ 22.50 น. ของวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบผู้บาดเจ็บ ซึ่งได้เล่าให้ฟังว่า ตนอยู่กินกับสามีมากว่า 9 ปี มีลูกชายด้วยกัน 1 คน วัย 5 ขวบ หลังๆ สามี ไม่ได้ออกไปทำงาน อยู่แต่บ้าน เล่นเกม ตนเป็นคนออกไปทำงานและดูแลบ้านทุกอย่าง แต่กลับโดนสามีทำร้ายมาตลอด ทั้งทุบตี โดนแทงด้วยดินสอ-ปากกา และที่หนักสุดเคยโดนแทงด้วยกรรไกรเข้าที่บริเวณศีรษะ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานานประมาณ 3-4 ปีมาแล้ว
แต่ล่าสุด ถูกทุบตีทำร้ายด้วยหมัดและเท้า แถมยังใช้ขวดฟาดศีรษะ และใช้เก้าอี้ทุบที่หลังเท้าจนบวม มีแผลฟกซ้ำตามลำตัวหลายแห่ง ต้องหนีออกจากบ้านเอาตัวรอด สาเหตุเพราะเขาไม่พอใจที่ตนไปต่อว่าเขา
ตอนนี้ตนยังรู้สึกหวาดกลัว เกรงว่าสามีจะตามไปทำร้ายถึงที่บ้านคนรู้จักหรือที่ทำงาน ตอนนี้ไปแจ้งความและไปตรวจร่างกายไว้แล้ว แต่แพทย์ได้นัดไปตรวจร่างกายโดยละเอียดอีกครั้งในวันที่ 5 ก.ค. นี้ ตนหวังว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด และอยากพาลูกมาดูแลเอง เพราะเป็นห่วงลูก
ด้านย่าของผู้บาดเจ็บ เผยว่า เมื่อเช้าสามีของหลานสาวมาตามหาหลานสาวที่บ้านตน และเอากระเป๋าเสื้อผ้ามาให้ ตนก็เลยบอกว่าหลานไม่ได้มาที่นี่ เขาบอกว่าสงสัยว่าหลานตนจะหนีไปกับผู้ชายคนอื่น แต่ตนรู้จักหลานดีว่าไม่เคยมีเรื่องนอกใจ ถ้าจะมีคงมีไปนานแล้ว ครั้งนี้หลานไม่ได้เล่าว่าโดนทำร้ายร่างกายมา เพิ่งมาเห็นแผลของหลาน เห็นแล้วก็รู้สึกสงสาร ก็ไม่อยากให้หลานกลับไปอีก แต่สุดท้ายก็คงแล้วแต่หลาน
ต่อมา ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปสอบถามฝั่งสามี ซึ่งได้บอกว่า ภรรยาชอบต่อว่ากระแนะกระแหนตน บางครั้งก็บ่นด้วยถ้อยคำรุนแรง ทำให้ตนเกิดบันดาลโทสะจนลงมือทำร้ายร่างกายเขาไปบ่อยครั้ง ยอมรับว่าตนใจร้อน แต่ก็ยังอยากขอโอกาสปรับปรุงตัว อยากให้กลับมาอยู่ด้วยกัน เป็นครอบครัวเหมือนเดิม