จากกรณีแก๊งคนร้ายชายฉกรรจ์ 4-5 คน ขับรถตู้บุกโกดังสเตเดียม การท่าเรือฯ เขตคลองเตย กรุงเทพฯ เมื่อคืนวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา เพื่องัดตู้คอนเทนเนอร์ของกลางของกรมศุลกากร ขโมยบุหรี่ไฟฟ้าจำนวนมาก ก่อนหลบหนี โดยขณะถอยรถออกจากที่เกิดเหตุ ได้พุ่งชนและทับนายบุญนาค เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เสียชีวิตคาที่ ขณะพยายามเข้าขัดขวาง
โดยก่อนหน้านี้ ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 5 ราย โดยหนึ่งในนั้นถูกแจ้งข้อหา "รับของโจร" จากการให้ที่พักและเก็บของกลางไว้ ล่าสุดมีรายงานว่า นายสิทธิศักดิ์ หรือนายแบงค์ ผู้ต้องหาคนสำคัญซึ่งเป็นคนขับรถตู้ชน รปภ. ได้เข้ามอบตัว
รายการโหนกกระแสวันนี้ ได้พูดคุยกับ นายเฉลิมศักดิ์ บัวแก้ว ผู้อำนวยการส่วนของกลาง กองสืบสวนปราบปราม กรมศุลกากร เปิดเผยว่า พื้นที่เก็บของกลางของกรมศุลกากรมีจำกัด ทำให้ต้องไปเช่าพื้นที่ของ การท่าเรือแห่งประเทศไทย ในการเก็บของกลางที่ผิดกฎหมายศุลกากร เป็นการเช่ารายปี มีตู้คอนเทนเนอร์ทั้งหมด 55 ตู้ มีของกลางทั้งหมด 25 ตู้ ที่เหลือจะเป็นเอกสารอะไรต่างๆ
โดยแต่ละตู้ไม่มีป้ายติดบอกว่าในตู้คืออะไร จะมีแค่คนในที่รู้ว่าตู้ไหนคืออะไร สำหรับบุหรี่ไฟฟ้าของกลาง เรียกได้ว่ามีจำนวนมหาศาล เก็บมาหลายปี แต่การที่คนร้ายเข้าไปตัดตู้ จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นตู้ไหน ก็มีความเป็นไปได้ว่า “คนใน” อาจมีส่วนในการชี้เป้า สอดคล้องกับที่ญาติผู้เสียชีวิตบอกว่า หนึ่งในผู้ก่อเหตุ เคยเป็น รปภ. ด้วยกัน ซึ่งทางคุณลุงบุญนาค ผู้เสียชีวิต ก็เคยรู้จักหนึ่งในกลุ่มผู้ก่อเหตุด้วย
แต่หากว่ามีการตรวจสอบแล้ว พบว่าคนใน ข้าราชการของกรมศุลกากรคนไหน มีส่วนในการกระทำความผิด ต้องไล่ออกแน่นอน ไม่มีการช่วยเหลือ
ครอบครัวของนายบุญนาค รปภ.ที่เสียชีวิต เล่าว่า เขาเป็น รปภ.ที่นี่มา 5 ปี แต่ว่าไม่ได้เป็น รปภ.ประจำจุดที่เกิดเหตุ จะประจำจุดพัสดุของการท่า นายบุญนาคเคยมาเล่าให้ที่บ้านฟังว่า มีวัยรุ่น มีโจร เข้ามาขโมยตัดสายไฟ ตัดแม่กุญแจตู้คอนเทนเนอร์บ่อยๆ พอจับได้แล้วเอาไปส่งตำรวจทุกครั้ง พอส่งตำรวจตอนค่ำ เช้ามาก็ถูกปล่อยออกมาแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมตำรวจไม่จับให้มันเป็นเรื่องเป็นราว
ขณะที่หลานสาวเล่าว่า ตอนเกิดเหตุ มี รปภ.ไปเจอผู้ต้องหาเข้ามาลักทรัพย์ในพื้นที่ รปภ. ว.เรียกกำลังเสริม ลุงบุญนาครีบไปช่วย แต่พอไปถึง ก็เจอเหตุการณ์นี้ คนที่ก่อเหตุ พอเห็นว่านายบุญนาคขี่รถตามไล่หลังมา คนร้ายเข้าเกียร์ถอยหลัง ก่อนพุ่งชนรถ จยย.ของนายบุญนาค อัดก็อปปี้กับรถที่ตามหลังมาจนเสียชีวิต
ญาติของผู้ตายเล่าอีกว่า หนึ่งในผู้ก่อเหตุ เคยเป็น รปภ.มาก่อน และลุงบุญนาคก็รู้จักดี เป็นไปได้ไหมว่าการพุ่งรถถอยมาชน จะเป็นการตั้งใจชนเพราะรู้ว่าลุงบุญนาคจำหน้าได้ เป็นการเจตนาฆ่า ไม่ตรงกับคำให้การของแก๊งผู้ต้องหา ที่อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจชน
ส่วนประเด็นที่ทางญาติติดค้างคาใจสุดๆ คือประเด็นของ “ายเบิร์ด” หนึ่งในผู้ต้องหา ที่ตำรวจจับได้คนแรกๆ แต่พอเอาตัวไปสอบสวน ญาติผู้ตายซึ่งรู้จักนายเบิร์ดอยู่แล้ว พยายามเข้าไปเอาเรื่อง แต่ตำรวจขวางไว้ โดยบอกว่า ถ้ามีพยานหลักฐานมัดตัวว่านายเบิร์ดผิดจริง จะเอาออกมาให้พวกเอ็งกระทืบเลย แต่สุดท้าย พอตำรวจเอาตัวนายเบิร์ดไปสอบสวน กลับปล่อยตัวนายเบิร์ดออกมาซะอย่างนั้น โดยให้เหตุผลว่าไม่มีพยานหลักฐานชัดเจน ทั้งที่ผู้ร่วมก่อเหตุก็ชี้ตัวชัดเจนว่า นายเบิร์ดไปก่อเหตุด้วยกัน
เรื่องนี้ รองแต้ม บอกว่า ผู้ต้องหาที่ชี้ว่านายเบิร์ดไปด้วยกัน ถือว่าเป็น “ประจักษ์พยาน” ถ้าศาลตัดสิน จะถือว่าเป็นพยานที่มีน้ำหนักมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมตำรวจถึงไปอ้างแบบนั้น ยังไงก็ต้องควบคุมตัวนายเบิร์ดไว้ก่อน ญาติผู้ตายที่มารอที่ สน.ท่าเรือ 10 กว่าคน บอกว่า เห็นนายเบิร์ดจะขี่รถออกจากโรงพัก จึงเข้าไปขวางเอาไว้ ไม่ยอมให้หนี ล้อมไว้ไม่ให้กลับ สุดท้ายตำรสจต้องมาเอาตัวนายเบิร์ดกลับไปควบคุมตัวไว้ที่ห้องสืบ ทำให้พวกญาติพี่น้องไม่ยอมกลับ นั่งเฝ้าที่โรงพัก ไม่ยอมให้หนี