จากกรณี ‘พ.ต.ต.’ สังกัดกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 ขับรถย้อนศรบนถนนทรงพล หมู่ 2 ต.หนองอ้อ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี จนเฉี่ยวชน จยย. หญิง อายุ 64 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกนำตัวส่ง รพ.บ้านโป่ง และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (27 มิ.ย.) เวลา 12.00 น. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งทางครอบครัวของผู้เสียชีวิต ได้จัดเตรียมสถานที่สำหรับจัดพิธีรดน้ำศพและพิธีบำเพ็ญกุศล
ชาย อายุ 42 ปี ลูกชายของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนทราบข่าวว่าแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุในสภาพกะโหลกศีรษะแตก กระดูกคอหัก เส้นเลือดดำที่คอและอวัยวะภายในฉีกขาด กระดูกเอวถึงเท้าหักทั้งหมด หัวใจของตนที่เป็นลูกเหมือนแตกสลาย เมื่อตั้งสติได้จึงรีบเดินทางกลับมา และเข้าไปยัง สภ.บ้านโป่ง เพื่อพบกับคู่กรณี
เมื่อพบหน้ากัน คู่กรณีก็พยายามยกมือไหว้และก้มลงกราบ พร้อมกับพูดขอโทษอยู่ตลอดเวลา โดยตนก็ได้ตอบไปว่าไม่ต้องขอโทษหรอก คุณขับรถชนแม่ผมตาย ขอโทษไปแม่ผมก็ไม่ฟื้น ซึ่งจากการพูดคุยกัน คู่กรณีไม่ได้มีท่าทีสำนึกผิด และยังอยู่ในสภาพที่มีสติไม่ครบสมบูรณ์ และที่ตัวยังมีกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งตลอดเวลา ซึ่งตนไม่ใช่คนเดียวที่ได้กลิ่น
จากนั้นตนได้ถามถึงสาเหตุของการขับย้อนศร โดยคู่กรณีบอกว่ากำลังขับรถกลับบ้าน และจะขับรถกลับเส้นทางนี้เป็นปกติ ซึ่งก็สร้างความแปลกใจให้ตนเป็นอย่างมาก
ในส่วนของการเยียวยาที่แม่ของคู่กรณีได้มอบเงินช่วยเหลือค่าปลงศพ จำนวน 40,000 บาท ในตอนแรกตนได้ปฏิเสธ เพราะเกรงว่าจะมีผลบรรเทาโทษทางกฎหมาย แต่พนักงานสอบสวนแจ้งว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ประกอบกับเข้าใจหัวอกของแม่คู่กรณี จึงยอมรับไว้ แต่ในด้านของคดีความ ตนขอยืนยันว่าจะดำเนินการจนถึงที่สุด และหากคู่กรณีจะเข้ามากราบขอขมาศพ ส่วนตัวตนไม่ติดขัด แต่ในส่วนของญาติตนไม่ทราบ
โดยหลังเกิดเหตุ ได้มีคนโทรศัพท์เข้ามาอ้างเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ จะเข้ามาพูดคุยและช่วยเหลือ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่จริงหรือไม่ จึงปฏิเสธไป เพราะกำลังยุ่งกับการจัดเตรียมงาน
สิ่งที่ครอบครัวกังวลจนถึงตอนนี้คือ ผลตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดของคนขับที่ยังไม่ออก รวมถึงต้องการขอดูคลิปกล้องหน้ารถยนต์คันเกิดเหตุ ซึ่งถือเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ยอมรับว่าตนและครอบครัวรู้สึกวิตกกังวลมาก ว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะคู่กรณีเป็นคนมีสี และมีตำแหน่งในหน่วยงานรัฐ
ที่มา : ข่าวสด